Custom Search

วันจันทร์ที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2551

ท่าทางยามดื่มกาแฟ บ่งบอกความเป็นตัวคุณ


ก่อนจะเข้าสู่วันปีใหม่ Coffee Blood ขอนำเรื่องราวเกี่ยวกับการทำนายมาฝากให้ได้อ่านกันอีกสักหนึ่งบทความก่อนที่จะเดินทางเข้าสู่ปีใหม่อีกหนึ่งปี

เมื่อครั้งที่ผ่านมาได้นำคำทำนายที่เกี่ยวกับรสชาติของกาแฟที่ชื่นชอบไปแล้ว และยังลักษณะหรือรูปแบบของแก้วกาแฟที่ชื่นชอบว่าสามารถบ่งบอกความเป็นตัวคุณได้ไปแล้ว ยังไม่หมดเท่านี้นะคะ คุณทราบหรือไม่คะว่า ลักษณะท่าทางยามที่คุณดื่มกาแฟนั้น ก็สามารถบอกความเป็นตัวตนของคุณได้เช่นกันค่ะ

ลักษณะท่าทางของแต่ละคนก็ย่อมแตกต่างกันออกไป ดังนั้นเรามาดูกันว่าแต่ละท่าทางยามที่ดื่มกาแฟนั้น จะบ่งบอกว่าคุณเป็นคนอย่างไรบ้างดีกว่าค่ะ

ใช้นิ้วชี้เกี่ยวใช้นิ้วชี้เกี่ยวถ้วยกาแฟ
คนที่ใช้นิ้วชี้เกี่ยวหูถ้วยกาแฟเอาไว้ แล้วก็ใช้นิ้วโป้งยันขอบถ้วยกาแฟด้านบนอีกนั้น เป็นท่าที่คนส่วนใหญ่มักใช้ถือถ้วยเวลาชงกาแฟดื่มกัน ซึ่งได้แสดงถึงนิสัยที่เป็นคนมีอัตตาสูง หรือมีความคิดว่าตัวเองดีที่สุด จึงทำให้เป็นคนที่ไม่ค่อยฟังความคิดเห็นของคนอื่นสักเท่าไหร่

ใช้นิ้วมือ 3 นิ้วเกี่ยวถ้วยกาแฟ
คนที่ใช้นิ้วชี้ นิ้วกลาง และนิ้วนางเกี่ยวหูถ้วยกาแฟเอาไว้ โดยที่มีนิ้วโป้งคอยยึดขอบบนของถ้วยกาแฟนั้นแสดงถึงนิสัยที่เชื่อมั่นในตัวเอง และยังเป็นคนที่มีความมั่นคงสูง โดยเฉพาะในเรื่องความรัก ดังนั้นเมื่อรักใครก็มักจะรักเดียวใจเดียว ไม่ชอบคบคนทีละหลายๆ คน เป็นคนจริงจัง ซีเรียสกับเรื่องการใช้ชีวิตอยู่

ใช้นิ้วโป้งกับนิ้วชี้ถือถ้วยกาแฟ
สำหรับคนที่มีใช้นิ้วโป้งกับนิ้วชี้เท่านั้นที่ถือถ้วย ส่วนนิ้วที่เหลือ คือนิ้วกลาง นาง ก้อย จะยื่นกางออกมาหมดนั้น จะแสดงถึง ลักษณะนิสัยที่เป็นคนเปลี่ยนแปลงง่าย จะทำทุกอย่างตามอารมณ์ของตัวเอง ซึ่งในสายตาคนทั่วไปมองว่าไม่ค่อยอยู่กับร่องกับรอยสักเท่าไหร่ แต่โดยพื้นฐานแล้วเป็นคนที่คุยสนุก ร่าเริง แจ่มใส

ใช้นิ้วก้อยยันก้นถ้วยเอาไว้
คนที่ใช้นิ้วโป้งยันขอบบนของถ้วยกาแฟ และนิ้วก้อยยันขอบล่างหรือก้นถ้วยเอาไว้ แล้วทั้งสามนิ้วคือนิ้วชี้ กลาง นางจะเกี่ยวห่วงถ้วยกาแฟเอาไว้นั้น นิสัยโดยทั่วไปมักเป็นคนที่มีนิสัยรักความอิสระ ไม่ชอบให้ตนเองตกอยู่ในการควบคุมของใคร มีความเป็นตัวของตัวเองสูง ชอบทำในสิ่งที่คนอื่นไม่ทำกัน แล้วยังรักชีวิตที่ได้เสี่ยงภัยมากอีกด้วย

ถือถ้วยกาแฟโดยนิ้วก้อยกางออก
เป็นคนทีนิสัยเงียบๆ ไม่ชอบการได้อยู่ในกลุ่มคนมากสักเท่าไหร่ ยิ่งคนที่ไม่คุ้นเคยกันมาก่อน แต่ก็ไม่ใช่คนสมถะหรือสันโดษเสียทีเดียว แต่ออกไปทางชอบหมกมุ่นอยู่กับความคิดและปัญหาของตัวเองมากกว่า หรืออาจจะเรียกว่าเป็นคนมีโลกส่วนตัวสูงก็ว่าได้ และเมื่อพบเจอกับปัญหาก็จะชอบที่จะครุ่นคิด พิจารณาด้วยตนเองมากกว่าการไปปรึกษาคนอื่น

ใช้สองมือกุมถ้วยกาแฟ
เป็นคนที่มีนิสัยอ่อนโยน โรแมนติก ช่างฝันมาก ใจอ่อน บ่อน้ำตาตื้นซะไม่มี แค่ดูหนังเศร้าๆ เข้าหน่อยก็ร้องไห้ได้เป็นวรรคเป็นเวร ขี้งอนและเอาแต่ใจตัวเองเป็นที่สุด แต่ก็มีความน่ารักตรงที่เป็นคนรักบ้าน ชอบอยู่ใกล้ชิดครอบครัว



เป็นอย่างไรบ้างคะ ตรงกันบ้างหรือเปล่า นอกจากจะมีคำทำนายเกี่ยวกับท่าทางยามดื่มกาแฟมาฝากแล้ว ยังมีอีกหนึ่งเรื่องที่อยากแนะนำค่ะ เพื่อนๆ คงเคยนอนหลับแล้วฝันกันอย่างแน่นอนนะคะ บางคนก็เอาไปตีเป็นเลขเด็ดก็มี แต่จะถูกหรือเปล่าอันนี้ก็ไม่ทราบเหมือนกันนะคะ แล้วทีนี้เพื่อนๆ เคยฝันถึงกาแฟบ้างหรือเปล่าคะ เชื่อไหมคะว่าการทำนายความฝันสำหรับผู้ที่ฝันถึงกาแฟด้วยนะคะ แต่จะมีความหมายอย่างไร ต้องติดตามอ่านกันที่
http://www.tumnaifun.com/ ค่ะ ^ ^

วันอาทิตย์ที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2551

chill chill @ iBerry

ตามที่ได้ให้สัญญาว่าจะนำภาพบรรยากาศภายในร้านกาแฟ iBerry ของคุณโน้ตอุดม ที่จังหวัดเชียงใหม่มาให้ชม วันนี้ก็ได้ฤกษ์งามยามดีอัพขึ้นบล็อกให้ชมกันเสียทีนะคะ
บรรยากาศภายในร้านนั้นก็แน่นอนว่าตกแต่งได้อย่างสวยงามอยู่แล้ว ตามสไตล์ของศิลปินนะคะ ตั้งแต่หน้าร้านเข้ามาก็มีรูปปั้นใหญ่เด่นเป็นสง่าก็คือ รูปของท่านเหมาเจ๋อตุง และก็สัญลักษณ์ที่ดูเหมือนจะเป็นตัวแทนพี่โน้ตไปแล้ว


ส่วนบริเวณภายในร้านที่ชอบมากๆ ก็จะเป็นโคมไฟหลากสีที่ใช้ถ้วยพลาสติกหลายๆ สีมาบรรจุอยู่ในกรงเหล็กอีกที หากสงสัยว่าเป็นอย่างไร ลองดูที่รูปก็ได้นะคะ นอกจากนั้นแล้วก็ยังมีเก้าอี้ที่มีลักษณะเหมือนหีบหรือกล่องโบราณน่ะค่ะ ของตกแต่งในร้านส่วนใหญ่แล้วก็จะเป็นของโบราณที่นำมาตกแต่งได้อย่างสวยงาม แบบอาร์ทๆ จริงๆ


และเท่าที่สังเกตจะเห็นว่านิยมใช้สัญลักษณ์เหมือนกับหัวมิกกี้เมาท์นะคะ บริเวณที่นั่งทานในร้านก็จะมีผนังที่ทำเป็นสัญลักษณ์นั้นด้วย (สามารถชมภาพได้ที่สไลด์ด้านล่างนะคะ) นอกจากผนังแล้ว ก็ยังมีหมายเลขคิวที่จะตั้งไว้บนโต๊ะเหมือนเวลาที่สั่งอาหารแล้วแจ้งให้พนักงานทราบน่ะค่ะว่าโต๊ะเบอร์อะไรยังไม่ได้ของบ้าง ก็จะเป็นรูปสัญลักษณ์ iBerry ที่คล้ายกับหัวมิกกี้เมาท์เหมือนกัน ก็น่ารักไปอีกแบบค่ะ

ส่วนไอศกรีมของร้านนั้นก็อร่อยจริงๆ ค่ะ ตอนที่ไปทานนั้นจำไม่ได้แล้วจริงๆ ว่าทานรสอะไรไป - -“ ต้องขออภัยด้วย มัวแต่นั่งชมบรรยากาศภายในร้านซะเพลิน แต่ที่จำได้แน่นอนก็คือ รสชาติของกาแฟคาปูชิโน่ร้อน จำได้ว่ารสชาตินุ่มมากๆๆๆๆ จริงๆ ค่ะ ถ้าใครมีโอกาสได้ไป อย่าลืมลองสั่งคาปูชิโน่ร้อนมาดื่มดูบ้างนะคะ เพราะว่ารสชาติของเค้านั้นนุ่มจริงๆ ค่ะ ต้องลองๆๆ ^^

ส่วนภาพบรรยากาศต่างๆ ที่ได้เล่ามานั้นสามารถรับชมได้ที่สไลด์ด้านล่างนะคะ ^ ^






วันเสาร์ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

Coffee in Love in Pai

ตอนนี้ก็เข้าช่วงหน้าหนาวเข้ามาเรื่อยๆ แล้วนะคะ นอกจากหน้าหนาวที่ใกล้เข้ามาแล้วก็ยังมีเทศกาลวันหยุดยาวช่วงสิ้นปีที่กำลังใกล้เข้ามาด้วยเหมือนกัน

หลายๆ คนก็เริ่มที่จะวางแผนกันแล้วนะคะว่า สิ้นปีนี้จะไปเที่ยวที่ไหนกันดี และก็รับรองว่าคนส่วนใหญ่ถ้าให้เลือกไปเที่ยวในช่วงหน้าหนาวก็คงหนีไม่พ้นการเลือกไปเที่ยวทางภาคเหนือ เพื่อรับอากาศของความหนาวที่มีมากกว่าภาคอื่นๆ รวมถึงกรุงเทพฯ เป็นส่วนใหญ่แน่นอน


และสถานที่ท่องเที่ยวที่หนึ่งที่กำลังได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก และอีกไม่นานก็จะมีการจัดกิจกรรมที่น่าสนใจสำหรับคนรักหนังรวมคนที่รักบรรยากาศสงบๆ ของต่างจังหวัด นั่นก็คือ เมืองปาย นั่นเองค่ะ

และเมื่อราวๆ สิ้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมาได้มีโอกาสไปเยือนเมืองปายมาค่ะ ถึงแม้อากาศในช่วงนั้นยังไม่เหมาะสำหรับการท่องเที่ยวมากนัก แต่บรรยากาศที่สงบ และบรรยากาศแห่งเมืองท่องเที่ยวนั้นก็ยังอบอวลอยู่ไม่น้อย ถึงแม้จะไม่เรียกว่าประทับใจแบบลืมไม่ลง แต่ก็ทำให้รู้สึกว่าถ้ามีโอกาสก็คงต้องกลับไปเยือนเมืองปายอีกสักครั้งอย่างแน่นอนค่ะ

เมื่อมีโอกาสได้ไปเยือนเมืองปายและแม่ฮ่องสอน ขอบอกว่าที่นั่นมีร้านกาแฟสดเต็มไปหมดจริงๆ ค่ะ และแต่ละร้านเองต่างก็มีจุดเด่นที่แตกต่างกันไป แต่โดยส่วนใหญ่แล้วตกแต่งร้านได้อย่างน่านั่งมากๆ จริงๆ ค่ะ และเมื่อบอกว่าไปปาย น้อยคนนักนะคะที่จะพลาดการเข้าไปถ่ายรูปและพักดื่มกาแฟร้านที่มีชื่อว่า Coffee In Love ซึ่งทรายก็มีโอกาสได้ไปถ่ายรูปเหมือนกัน เลยขอถือโอกาสเก็บภาพบรรยากาศมาฝากให้ได้ชมกันค่ะ







และนอกจากภาพบรรยากาศร้านกาแฟที่ Coffee In Love แล้ว ก็ยังมีภาพบรรยากาศร้าน iBerry ของโน้ต อุดมมาฝากกันในครั้งหน้าด้วยค่ะ ซึ่งร้าน iBerry นี้ไม่ได้มีแค่กาแฟเท่านั้นนะคะ แต่ยังมีไอศกรีมอีกด้วย สำหรับภาพบรรยากาศของร้าน iBerry นั้นคงต้องขอยกไว้โอกาสหน้านะคะ สัญญาว่าจะนำภาพมาฝากกันแน่นอนค่ะ ^___^


แล้วพบกันอีกครั้งนะคะ

วันศุกร์ที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

เรื่องน่ารู้ของกาแฟกับสุขภาพ


สวัสดีค่ะ สำหรับวันนี้ก็มีเรื่องน่ารู้เกี่ยวกับกาแฟมาฝากกันอีกเช่นเคยนะคะ อย่างที่เราทราบกันดีอยู่แล้วว่าในกาแฟนั้นมีคาเฟอีน ทีนี้เพื่อนๆ คงเคยได้ยินกันมาบ้างว่าคนบางคนนั้นสามารถดื่มกาแฟได้ แต่สำหรับบางคนนั้นก็ไม่สามารถดื่มได้ อาจจะด้วยปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นหลังจากดื่มกาแฟเองก็ตาม และที่สำคัญที่สุดก็คือเรื่องของสุขภาพอนามัยนั่นเองค่ะ ดังนั้นวันนี้จึงขอยกตัวอย่างโรคต่างๆ ว่าเมื่อคนที่มีโรคประจำตัวเหล่านี้อยู่แล้วเกิดไปดื่มกาแฟขึ้นมาจะมีอาการที่แสดงออกมาเป็นอย่างไรบ้าง



โรคกระเพาะอาหาร นับว่าโรคกะเพราะอาหารนี้มีคนเป็นอยู่จำนวนไม่น้อยเลยทีเดียวนะคะ สำหรับผู้ที่เป็นโรคนี้เมื่อดื่มกาแฟ หรืออาหารและเครื่องดื่มใดก็ตามที่มีคาเฟอีนเป็นส่วนประกอบ อาจทำให้เกิดอาการกำเริบของกะเพราะ จนทำให้เกิดอาการระคายเคืองหรือแผลในกะเพราะอาหารได้ นั่นก็เป็นเพราะว่าคาเฟอีนนั้นมีฤทธิ์กระตุ้นกะเพราะอาหารให้หลังกรดออกมาเพื่อช่วยย่อยอาหารอยู่แล้ว ดังนั้นจึงอาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่อาจทำให้อาการกะเพราะกำเริบได้ค่ะ


โรคไต คาเฟอีนมีส่วนในการช่วยกระตุ้นการถ่าย ซึ่งก็หมายความว่าเป็นการกระตุ้นการทำงานของไตเพิ่มมากขึ้นนั่นเองค่ะ ดังนั้นการดื่มกาแฟ 2 ขึ้นไปต่อวันนับเป็นการกระตุ้นและเพิ่มภาระในการทำงานให้กับไตหนักมากขึ้นนะคะ


โรคหัวใจ สำหรับโรคหัวใจนี้เราก็คงเคยได้ยินกันมาบ่อยๆ นะคะว่า ห้ามดื่มกาแฟโดยเด็ดขาด โดยเฉพาะผู้ที่เป็น Heart Attack เพราะเชื่อว่าการดื่มกาแฟ จะเป็นการไปกระตุ้นให้หัวใจเต้นเร็วขึ้น แต่ผลการศึกษาในอังกฤษ และสหรัฐฯ พบว่า การดื่มกาแฟแบบกรองจะไม่เป็นสาเหตุให้หัวใจเต้นผิดปรกติ อย่างไรก็ตามสำหรับผู้ที่เป็นโรคหัวใจนี้ ก็ควรปรึกษาแพทย์ให้ดีก่อนดื่มน่าจะดีกว่านะคะ


อาการปวดหลัง สำหรับอาการนี้เรียกว่าเป็นอาการที่น่าจะพบเจอบ่อยที่สุดสำหรับผู้ที่ทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์อย่างเราๆ ทุกท่าน ดังนั้นหากช่วงใดก็ตามที่เพื่อนๆ รู้สึกว่าอาการปวดหลังนี้กำเริบขึ้นมาเป็นพิเศษ ก็ควรที่จะงดเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนนะคะ นั่นก็เพราะว่าเจ้าคาเฟอีนจะไปกระตุ้นปลายเส้นโลหิตฝอยให้ตีบลง ซึ่งจะทำให้เลือกและสารอาหารต่างๆ ไปเลี้ยงเนื้อเยื่อของกระดูกสันหลังได้น้อยลง ซึ่งก็จะทำให้อาการปวดหลังนี้หายได้ช้าลงค่ะ


โรคกระดูกพรุน คาเฟอีนมีฤทธิ์ขับแคลเซียมออกจากกระแสโลหิต สำหรับผู้ที่อยู่ในภาวะเสี่ยงต่อโรคกระดูกพรุนก็ควรหลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนผสมในปริมาณที่มากกว่า 300 มิลลิกรัมต่อวัน


โรคมะเร็งเต้านม สำหรับโรคนี้เราก็คงเคยได้ยินกันมาบ่อยๆ แล้วนะคะ ซึ่งแต่เดิมนั้นก็บอกว่าการดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนอย่างกาแฟ มีส่วนในการกระตุ้นและเพิ่มความเสี่ยงมากขึ้น ซึ่งความเชื่อแต่เดิมนี้ได้ถูกลบล้างไปเมื่อมีนักวิจัยมหาวิทยาลัยแพทย์ศาสตร์ของสถาบันคาโลลินสกา ประเทศ สวีเดนได้ลบล้างความเชื่อนี้ว่ากาแฟไม่ได้เป็นความเสี่ยงหนึ่งของโรคร้ายนี้แต่อย่างใด



ทีนี้เมื่อเพื่อนๆ ทราบแล้วก็อย่าลืมสังเกตตัวเองกันด้วยนะคะ ว่ามีลักษณะอาการดังที่กล่าวมาบ้างหรือเปล่า หากว่าท่านใดที่มีโรคประจำตัวเหล่านี้อยู่ก็จะได้ระมัดระวังตัวในการดื่มกาแฟกันด้วยนะคะ ถึงแม้เราจะชื่นชอบการดื่มกาแฟมากแค่ไหนก็ตาม ยังไงเรื่องสุขภาพก็ยังเป็นเรื่องที่สำคัญที่เราควรจะต้องใส่ใจดูแล และให้ความสำคัญนะคะ

วันอังคารที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2551

The Missing Piece


สวัสดีค่ะ วันนี้อาจจะแปลกสักเล็กน้อยนะคะ เพราะว่าไม่มีเรื่องเกี่ยวกับกาแฟใดๆ มาฝากค่ะ แต่รับรองว่ามีเรื่องดีๆ มาฝากแทนอย่างแน่นอน


เวลาที่เรานั่งจิบกาแฟไป ถ้าจะให้ดี ก็ต้องมีหนังสือดีๆ ด้วยอีกสักเล่ม คงเข้ากั๊นเข้ากันนะคะ ดังนั้นวันนี้จะมาแนะนำหนังสือดีๆ หนึ่งเล่มให้ไปหาอ่านกันค่ะ เรื่อง The Missing Piece พอดีมีโอกาสได้อ่านหนังสือของคุณปราย พันแสงเรื่อง เรื่องรักใคร่ แล้วมีกล่าวถึงเรื่อง The Missing Piece ไว้ โดยที่คุณปรายได้เรียบเรียงออกมาอีกทีหนึ่ง เมื่อ่านครั้งแรกแล้วรู้สึกชอบจริงๆ บวกกับความน่ารักของตัวหนังสือด้วย เลยอยากให้คนอื่นๆ ได้อ่านเรื่องดีๆ และมุมองดีอย่างนี้บ้าง เลยมาแนะนำไว้ในนี้ค่ะ


ที่นำมานี้ก็เป็นเพียงบางส่วนของหนังสือ The Missing Piece ซึ่งได้นำมาจากคุณปรายพันแสงอีกที ยังไงก็คงต้องแอบขออนุญาต ณ ที่นี้แล้วกันนะคะ ^ ^


The Missing Piece
เจ้าวงกลมขี้เหงา เศร้าและตลกมาก เพลงที่เขาชอบร้องคล้ายๆ เพลง I Still Haven’t Found What I’m Looking For ของ U2 เนื้อเพลงเขามีอยู่ว่า “I’ve found my missin’ piece, So grease my knees and fleece my bees, I’ve found my…..” เหมือนจะสมรักเสียที แต่ความจริงเวลามันเริ่มร้องเพลงนี้ทีไรเจอแต่ “แห้ว” เสียมากกว่า


จะไม่แห้วได้อย่างไร เพราะบ่อยครั้งที่เจ้าวงกลมของเราบุ่มบ่ามไม่ดูตาม้าตาเรือ เห็นนี่ดูเข้าที ก็คิดว่า I’ve found my missin’piece ทึกทักเอาว่าได้เจอชิ้นส่วนที่ตัวเองกำลังตามหาอยู่ทุกที
ครั้งหนึ่งเจ้าวงกลมกลิ้งไปเจอชิ้นสี่เหลี่ยมชิ้นหนึ่ง ในสายตาของวงกลมแหว่งๆ อย่างมัน โลกนี้จะมีใครสวยงามเลิศเลอเพอร์เฟ็คต์เท่าชิ้นสี่เหลี่ยมอีกเล่า นี่คือ “คนที่ใช่” หรือ The Right Person ที่ฝันหามาตลอดชีวิตนี่นา....ปิ๊ง ! ปิ๊ง !


ชิ้นสี่เหลี่ยมเองก็มีใจให้เหมือนกัน


ความรักราบรื่น ทุกอย่างเหมือนจะไปได้สวยไม่มีปัญหา แต่ปรากฏว่าถึงตอนที่ทั้งสองชิ้นจะต้อง “เติมเต็ม” ซึ่งกันและกัน ปรากฏว่าชิ้นสี่เหลี่ยมไม่อาจเติมเต็มในรอยแหว่งของเจ้าวงกลมได้ ทั้งสองจึงต้องเลิกร้างแยกทางกันไป เหลือไว้แต่ความหลังที่งดงามและความเป็นเพื่อน (รูปทรงเลขาคณิต) ที่ดีต่อกันเท่านั้น


นอกจากมีชิ้นสี่เหลี่ยมเป็นแฟนเก่าแล้ว เจ้าวงกลมยังกลิ้งไปพบใครต่อใครอีกมากมาย บางรายที่ผ่านเข้ามาก็ “แหลมคม” ไปทั้งตัว แค่ทดลอง “เติมเต็ม” ก็ทิ่มทะลุเจ้าวงกลมจนเนื้อตัวเป็นแผลเหวอะหวะพรุนไปทั้งตัว จนเจ้าวงกลมร้องจ๊าก ต้องปล่อยไป ทางใครทางมัน แต่โชคดีหน่อยในตอนท้าย เจ้าวงกลมได้เจอชิ้นส่วนสามเหลี่ยมที่หายไปของตนเองจนได้ แม้เป็นการเจออย่างไม่ตั้งใจ แต่ทั้งสองก็ “เติมเต็ม” ให้กันและกันได้พอได้



The Missing Piece Meets the Big O
ภาคต่อ
ในตอนท้ายเรื่องสามเหลี่ยม จึงต้องพยายามพลิกตัวกลิ้งเกลือกไปด้วยตัวเอง จนค่อยๆ กลมเกลี้ยงกลายเป็นวงกลมที่กลิ้งได้เอง จึงไม่ต้องค้นควานหาชิ้นส่วนอื่นมาเติมเต็มให้ตัวเองอีกต่อไป
แก่นสารของหนังสือเล่มนี้สื่อถึงความสัมพันธ์ในอุดมคติ “ไม่มีความสัมพันธ์ใดตอบสนองความต้องการของมนุษย์ได้ทั้งหมด”


เพราะทุกคนอยากอยู่ให้ได้ด้วยตนเอง อยากมีความสุขด้วยตนเอง ไม่มีใครอยากร้อนรุ่มดิ้นรนค้นหาความสุขจากคนอื่นหรือที่อื่นกันหรอก


เพราะนั่นมันเป็นความสุขชั่วคราว ควบคุมไม่ได้และพร้อมจะปลิวไปจากเราได้ทุกเมื่อ


เชื่อว่าทุกคนเจ้าใจเรื่องนี้ดี แม้จะเข้าใจสัจธรรมนี้ดี แต่ก็ยังเชื่อลึกๆ ว่าในตัวเราหลายคนยอมเป็น “วงกลม แหว่งติงต๊อง” ที่กลิ้งโค่โร่โสตายเฝ้าตามล่าหาชิ้นส่วนที่ต้องการ มากกว่าจะเป็นสามเหลี่ยมเก่งกล้า ที่พลิกตัวแล้วพลิกตัวเล่าอย่างแกร่งกล้ามั่นคง


จนกลายเป็นวงกลมเองได้ในที่สุด


เพราะฉันก็อยากเป็นวงกลม แหง่งติงต๊องเหมือนกัน



อ่านมาถึงขนาดนี้แล้ว ก็ทำให้รู้สึกอยากไปหาหนังสือเรื่อง The Missing Piece นี้มาอ่านต่อทั้งเล่มจริงๆ นะคะ หนังสือหนึ่งเล่ม กาแฟหนึ่งแก้ว แค่นี้ก็ทำให้เรามีความสุขอยู่ในมุม ในโลกของเราเนอะคะ ^ ^


ขอให้มีความสุขในทุกๆ วันค่ะ ^ ^


coffee Blood

วันอาทิตย์ที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2551

คุณสมบัติเหลือเชื่อของกาแฟ


เพื่อนๆ คงเคยได้ยินคำว่า สารต้านอนุมูลอิสระ กันมาสมควรนะคะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งใครที่เป็นคนรักสุขภาพด้วยแล้วล่ะก็คงต้องเคยศึกษารายละเอียดกันมาบ้างนะคะ


ซึ่งแต่เดิมเราเคยได้ยินมาว่า สารต้านอนุมูลอิสระนี้ จะมีอยู่มากในอาหารจำพวก ผัก ผลไม้ แต่เพื่อนๆ ทราบไหมคะว่า คนรักกาแฟอย่างพวกเราเนี่ย ก็สามารถรับสารต้านอนุมูลอิสระจากกาแฟ ได้ไม่แพ้กับผัก และผลไม้เลยนะคะ ซึ่งสารต้านอนุมูลอิสระที่มีอยู่ในกาแฟนี้มีชื่อว่า กรดคอโรจีนิกค่ะ ซึ่งสามารถสลายตัวด้วยความร้อนเช่นเดียวกับสารต้านอนุมูลอิสระอื่นๆ ที่มีอยู่ในผักและผลไม้


โดยความรู้นี้ได้จากการวิจัยของ รศ.ดร.ชัยชาญ แสงดี ดี” หัวหน้าภาควิชาเภสัชวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ออกมายืนยันว่า จาการศึกษาค้นคว้าวิจัยเมื่อเร็วๆนี้ พบว่ากาแฟมีสารต้านอนุมูลอิสระอีกทั้งยังมีมากว่าในชาเขียวที่เคยฮิตถึง 3เท่าทีเดียวค่ะ


รศ.ดร.ชัยชาญ”กล่าวต่ออีกว่า การดื่มกาแฟเป็นประจำ สามารถป้องกันการเป็นโรคเบาหวาน ลดอัตราการเป็นอัลไซเมอร์ และโรคมะเร็ง โดยเฉพาะมะเร็งของลำไส้ใหญ่และทวารหนัก และมีหลักฐานที่มากขึ้นว่าการดื่มกาแฟอาจจะป้องกันภาวะตับแข็งและโรคตับได้


แต่เมื่อการคั่วเมล็ดกาแฟ กรดคลอโรจีนิก อาจสลายตัวไปได้ แต่มิใช่การสูญเปล่าโดยสิ้นเชิง เนื่องจากกรดคลอโรจีนิคจะรวมตัวกับคาร์โบไฮเดรตและกรดอะมิโนและโปรตีนในเมล็ดกาแฟระหว่างการคั่วให้เป็น “สารเมลานอยดิน”ซึ่งมีสีน้ำตาลอ่อน- น้ำตาลเข้ม ตามอุณหภูมิและระยะเวลาของการคั่วเมล็ดกาแฟ
ที่สำคัญยังพบอีกว่าหากคนเราดื่มกาแฟเป็นประจำจะทำให้ได้รับสารต้านอนูมูลอิสระอย่างเพียงพอที่จะทำให้ร่างกายไม่เกิดความผิดปกติกับการออกซิเดชั่น อันเป็นสาเหตุของโรคต่างๆ อีกด้วยค่ะ


ฟังอย่างนี้ เราคนรักกาแฟ คงได้ร้องเย้ๆๆ กันเป็นทิวแถวนะคะ อย่างไรก็ตามเลือกดื่มอย่างพอเหมาะพอควรนะคะ เพื่อที่จะได้ไม่ส่งผลเสียต่อร่างกายค่ะ




แล้วไว้พบกันใหม่ครั้งหน้านะคะ Coffee Blood

วันพฤหัสบดีที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2551

รวมรูปกาแฟสวยๆ

สวัสดีค่ะ วันนี้นำภาพกาแฟรสชาติต่างๆ มาฝากให้ชมกันค่ะ ที่สำคัญเป็นภาพกาแฟที่ถูกตกแต่งอย่างสวยงามด้วยค่ะ ไปชมภาพกันที่ด้านล่างเลยค่ะ ^ ^



วันจันทร์ที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2551

รสกาแฟบ่งบอกความเป็นคุณ....







สวัสดีชาว Coffee Blood กันอีกครั้งค่ะ




เป็นอย่างไรกันบ้างคะ ช่วงนี้ สบายดีกันหรือเปล่าเอ่ย อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย อย่างไรก็อย่าลืมรักษาสุขภาพกันด้วยนะคะ




และเช่นเคยค่ะ ที่ Coffee Blood จะนำเนื้อหา เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยเกี่ยวกับกาแฟมานำเสนอให้เพื่อนๆ ผู้รักกาแฟทุกท่านได้อ่านกัน



ครั้งที่แล้วได้นำเสนอเนื้อหาที่ว่า แก้วกาแฟ..ทายนิสัย กันไปแล้ว ก็ไม่ทราบว่าตรงกันบ้างหรือเปล่านะคะ และสำหรับวันนี้ก็ยังมีเรื่องกาแฟกับการทำนายมาฝากอีกครั้งค่ะ



สำหรับวันนี้จะเป็นรสชาติของกาแฟ..บ่งบอกนิสัยค่ะ จะเป็นอย่างไร จะแม่นแค่ไหน คงต้องรีบไปอ่านกันแล้วล่ะค่ะ






คนที่ชอบกาแฟรสชาติขม....ว่ากันว่าเป็นคนที่จริงจัง เอาการเอางาน ช่างคิด มีหัวในด้านของการทำธุรกิจ ชอบงานที่ท้าทายค่ะ




คนที่ชอบกาแฟรสชาติหวานมัน....ชอบคิดแต่เรื่องงานว่าจะทำอย่างไรให้สำเร็จลุล่วงไปน๊า



คนที่ชอบกาแฟรสชาติเข้มข้น ทั้งหวานทั้งมัน..เป็นคนที่ไม่ซีเรียส เปิดเผย ใจกว้าง มีความร่าเริง ชอบความสนุกสนาน แต่ก็รักความยุติธรรมไม่เอาเปรียบใคร และไม่ให้ใครมาเอาเปรียบด้วยเช่นกัน ถือความยุติธรรมและเสมอภาคเป็นสำคัญ



คนที่ชอบกาแฟที่มีกลิ่นหอมแรง....เป็นคนช่างเลือก กว่าจะได้แต่ละอย่างเรียกว่าเลือกแล้วเลือกอีก เฟ้นหาสิ่งที่ดีที่สุดเสมอ มีความพิถีพิถันต่อข้าวของเครื่องใช้ เป็นคนรักเพื่อน ชอบเข้าสังคมเฉพาะที่มีความคิดเห็นเหมือนกับตนเท่านั้น



คนที่ชอบกาแฟรสอ่อนๆ...ขอเพียงแค่มีกลิ่นให้ชื่นใจก็เพียงพอ แสดงถึงความที่เป็นคนรักสงบ รักความสะอาด ชอบสถานทีที่ปลอดโปร่งโล่งสบาย เคารพความคิดเห็นของผู้อื่นเสมอ ดังนั้นจึงเป็นคนที่ไม่ชอบโต้เถียงกับใครให้เป็นเรื่องราวอีกด้วย และที่สำคัญส่งท้ายคือเป็นที่รักสุขภาพด้วยค่ะ



คนที่ชอบกาแฟรสหวานจัด...เป็นคนที่มีอารมณ์ค่อนข้างเปราะบาง ปรวนแปรง่าย อยากจะมีชีวิตที่ดียิ่งๆ ขึ้นไป ชอบใฝ่ชอบฝัน (กลางวัน) อยากเป็นคนพิเศษ คนสำคัญของใครสักคน






เป็นอย่างไรกันบ้างคะ กับคำทำนายที่นำมาฝากกันในครั้งนี้ ตรงกันบ้างหรือเปล่าเอ่ย แต่สำหรับเจ้าของบล็อก ขอบอกว่าตรงใช้ได้เลยทีเดียวค่ะ ^ ^






แล้วพบกันใหม่ครั้งหน้าค่ะ



Coffee-Blood

วันจันทร์ที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2551

วิธีการดื่มกาแฟ


สวัสดีเพื่อนๆ ผู้รักกาแฟทุกท่าน


จากคราวที่แล้วเราได้ทำความรู้จักกับชนิดของกาแฟ รสชาติ และลักษณะการคั่วของเมล็ดกาแฟต่างๆ ไปแล้ว รวมไปจนถึงการทายนิสัยจากการชอบแก้วกาแฟ

วันนี้เราก็มีข้อมูลที่เกี่ยวกับกาแฟมาอัพเดทกันอีกครั้งค่ะ สำหรับวันนี้เรามาเรียนรู้วิธีการดื่มกาแฟในแต่ละชนิดกันบ้างดีกว่านะคะ เพื่อที่เราจะได้ลิ้มรสชาติของกาแฟแต่ละประเภทอย่างลึกซึ้งกันค่ะ สำหรับกาแฟประเภทแรกที่เราจะนำมาแนะนำให้ได้ทราบกันก็คือ



  • เอสเพรสโซ่ แค่ฟังชื่อก็เรียกความเข้มข้นออกมาได้เยอะแล้วนะคะ สำหรับเอสเพรสโซ่ นี้ต้องดื่มในลักษณะที่เรียกว่าผ่านฟัน เพื่อให้ได้สัมผัสรสชาติของกาแฟ และควรดื่มรวดเดียวในเวลา 10-20 วินาทีด้วยนะคะ

  • คาปูชิโน่ เวลาที่เราจะดื่มคาปูชิโน่ร้อนนั้น ไม่ควรนำช้อนมาคนนะคะ นอกเสียจากจะมีการเพิ่มน้ำตาลลงไปเพื่อเพิ่มความหวาน ถึงจะค่อยคนกาแฟ ทั้งนี้ก็แนะนำด้วยว่า ให้คนในลักษณะเพียงเบาช้อนเท่านั้นนะคะ มิเช่นนั้นแล้วฟองนมกับซิเนม่อนจะมารวมตัวกันค่ะ เพื่อที่เราจะได้ลิ้มทั้งรสและกลิ่นของกาแฟ และ ซิเนม่อน นั่นเองค่ะ

  • ลาเต้ สำหรับลาเต้นั้น แนะนำให้ใช้ช้อนตักฟองนมที่เหลือติดอยู่ก้นถ้วยให้หมดทุกครั้งนะคะ จะได้ลิ้มรสที่เรียกว่าจนหยดสุดท้ายค่ะ ^ ^


เป็นอย่างไรกันบ้างคะ กับเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยที่นำมาฝากกันในวันนี้ สำหรับครั้งหน้านั้น coffee-blood จะนำเรื่องอะไรมาฝากคงต้องติดตามกันนะคะ



ขอให้ดื่มกาแฟอย่างมีความสุขค่ะ


Coffee-Blood

วันจันทร์ที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

Ice VS Coffee


สวัสดีค่ะ

สำหรับวันนี้ ก็มีเรื่องราวเกี่ยวกับกาแฟ้ กาแฟมาฝากกันอีกเช่นเคนค่ะ โดยในวันนี้จะเป็นเรื่องราวที่เอาใจคนที่ชอบกาแฟเย็นกันสักเล็กน้อยนะคะ
คุณๆ ทราบกันไหมคะว่า น้ำแข็ง กับ กาแฟที่เราชงเสร็จเรียบร้อยแล้วมีส่วนเกี่ยวข้องกัน


คุณๆ เคยสังเกตุลักษณะของก้อนน้ำแข็งที่เราทานกันไหมคะ นั่นแหละค่ะ ลักษณะของก้อนน้ำแข็ง มีส่วนเกี่ยวข้องที่จะทำให้รสชาดของกาแฟนั้นเปลี่ยนไปได้ค่ะ
ทั้งนี้ที่บอกว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกันก็คือ การละลายของน้ำแข็งนั่นเองค่ะ

โดยที่ลักษณะของน้ำแข็งหากเป็นหลอดใหญ่ ก็จะมีการละลายที่ช้า หากเป็นลักษณะหลอดเล็กที่ใส่กับพวกชาดำเย็น โอเลี้ยงพวกนี้ จะมีการละลายที่เร็วกว่า
ซึ่งก็มีส่วนให้รสชาดของกาแฟนั้นมีความเข้ม้นมากหรือน้อยได้เช่นกันค่ะ

เป็นอย่างไรบ้างคะ สำหรับเรื่องราวของ น้ำแข็ง กับ กาแฟ ที่นำมาฝากในวันนี้ ส่วนคราวหน้าจะมีเรื่องเกี่ยวกับกาแฟอะไรที่น่าสนใจมาฝากอีกคงต้องติดตามกันนะคะ

ขอให้ดื่มกาแฟอย่างมีความสุขค่ะ ^ ^

วันศุกร์ที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2551

ทายนิสัยจากแก้วกาแฟ (ต่อ)


5. แก้วที่มีข้อความหรือตัวหนังสือที่มีความหมายซึ้งๆ

ไม่ว่าจะเป็นข้อความที่มีความหมายซึ้งๆ หรือออกจะยียวนกวนประสาทซักเล็กน้อยก็ตาม แสดงว่าคุณเป็นคนที่ช่างคิด มีความคิดสร้างสรรค์อย่างเต็มเปี่ยม ชอบทำในสิ่งใหม่ๆ ลักษณะที่โดดเด่นอย่างเห็นได้ชัดนั่นก็คือการที่คุณมีความเป็นตัวของตัวเองอย่างเห็นได้ชัด ชอบคบหาเพื่อนฝูงที่มีความชื่นชอบในลักษณะไปในทางเดียวกัน ข้อเสียของคุณจะอยู่ที่ความเป็นคนใจร้อน แต่ก็ไม่ได้ก้าวร้าวรุนแรงแต่อย่างใด และในขณะเดียวกัน หากคุณเสียใจ หรือผิดหวัง คุณจะเป็นที่ให้กำลังใจตัวเอง มากกว่าคอยหวังพึ่งหรือรอความเห็นใจจากผู้อื่น


6. แก้วกาแฟลายการ์ตูน

บ่งบอกว่าคุณเป็นคนที่ชอบความสนุกสนาน เป็นคนมีอารมณ์ขันอยู่ตลอดเวลา มองโลกในแง่ดี ถึงดีที่สุด ซึ่งนั่นอาจนำมาซึ่งการถูกหลอกโดยไม่รู้ตัว ด้วยความที่เป็นคนมองโลกในแง่ดีแล้วยังเป็นคนนิสัยดี ใจอ่อน มีความเอื้ออาทรแก่คนรอบข้าง รักเด็ก เรียกว่า เป็นนางสาวได้เลยทีเดียว แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น คุณเองก็ยังแอบมีความเจ้าชู้อยู่ในเหมือนกันนะ


7. แก้วกาแฟลายดอกไม้

แสดงว่าคุณเป็นคนที่อ่อนหวาน ใจดี แต่ก็เจ้าน้ำตาใช่เล่น เป็นคนที่มีอารมณ์ในเรื่องของความรักใคร่สูง รักใครจะรักจริง ทุ่มสุดตัวสุดหัวใจกันเลยทีเดียว แถมยังคาดหวังในตัวคู่ของคุณเสียมากมายอีกด้วย และเมื่อผิดหวังจากความรักก็เรียกว่าอาการแทบปางตายกันเลยทีเดียว คนรอบข้างต้องคอยให้กำลังใจ ไม่มีความเป็นตัวของของตัวเองมากนัก ต้องการคนที่เป็นผู้นำตลอดเวลา หากใครที่ชื่นชอบลายดอกสีสด จะเป็นคนที่สดใส ร่าเริง ส่วนผู้ที่ชอบสีอ่อนๆ หวานๆ จะเป็นคนที่ช่างฝันมากมาย



เป็นอย่างไรกันบ้างคะ กับคำทำนายทายทักเกี่ยวกับแก้วลักษณะแก้วกาแฟที่คุณชื่นชอบ ตรงหรือไม่ตรงอย่างไร ก็อย่าไปคิดมากนะคะ เอาเป็นว่านำมาให้อ่านกันเล่นๆ เปลี่ยนรูปแบบบ้างแล้วกันนะคะ และที่สำคัญถึงแม้คำทำนายจะแม่นหรือไม่แม่นก็คงไม่ทำให้ Coffee Blood อย่างพวกเราเลือกชอบกาแฟได้หรอก จริงไหมคะ ^ ^

วันจันทร์ที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2551

ทายนิสัยจากแก้วกาแฟ


สวัสดีค่ะ สำหรับวันนี้มีเรื่องเกี่ยวกับกาแฟมาฝากอีกเช่นเคยนะคะ แต่วันนี้ออกจะแปลกไปซักเล็กน้อย เนื่องจากไม่ได้เป็นเคล็ดลับหรือความรู้เกี่ยวกับกาแฟในแบบที่ผ่านมานะคะ
เอาเป็นว่าเรื่องราวเกี่ยวกับกาแฟในวันนี้เป็นเรื่องที่เบาๆ ออกจะสนุกซักเล็กน้อยด้วยค่ะ ลองมาทดสอบกันดูนะคะว่า แก้วกาแฟที่คุณเลือกจากบรรดาแก้วกาแฟทั้งหมดนี้ สามารถบอกความเป็นตัวคุณได้ค่ะ ว่าแต่ทายออกมาแล้วจะตรงแค่ไหน คงต้องพิสูจน์ด้วยตัวคุณเองนะคะ ^ ^


1. แก้วกาแฟที่มีรูปตามราศี-วันเกิด

สำหรับผู้ที่ชื่นชอบแก้วกาแฟที่มีรูปภาพตามราศีเกิด วันเกิด หรือภาพที่บ่งบอกความเป็นตัวคุณ บ่งบอกว่าคุณเป็นคนที่ชื่นชอบงานที่เกี่ยวกับศิลปะ เป็นคนที่มีความละเอียดอ่อน รวมถึงจิตใจที่อ่อนไหวง่ายอีกด้วย และในอีกด้านหนึ่งยังหมายถึงว่าลึกๆ แล้วคุณยังเป็นคนที่ทีความเชื่อถือในเรื่องเร้นลับอีกด้วย แต่ทั้งนี้คุณเองก็เป็นคนที่มีเหตุมีผลใช่เล่น แถมยังหลักการดีอีกเสียด้วย ชอบคิดและค้นคว้า แต่ก็เฉพาะเรื่องที่คุณสนใจเท่านั้นแหละ และในบางครั้งคุณเองก็เป็นคนออกจะหัวโบราณด้วยเหมือนกันนะ และด้วยความหัวโบราณนี่เองที่ทำให้คุณมักจะปรับตัวให้เข้ากับเทคโนโลยีใหม่ๆ ยากซักหน่อย แถมบางทียังแอบมีความรู้สึกต่อต้านด้วยอีกต่างหาก


2. แก้วกาแฟที่ไม่มีลวดลายใดเลย สำหรับคนที่ชอบแก้วกาแฟเรียบๆ ไม่มีลวดลาย สีพื้น เค้าทายเอาไว้ว่า คุณเป็นคนที่มีจิตใจเปราะบาง อ่อนไหวง่าย เป็นคนละเอียดอ่อน มีความรอบคอบ นิยมความสมบูรณ์แบบ รวมถึงเรื่องของความรักด้วยเช่นกัน เมื่อพูดถึงความรักสำหรับคนที่ชื่นชอบแก้วกาแฟแบบไม่มีลายนี้ มักเป็นคนที่ชอบตามใจแฟน ไม่มีปากไม่มีเสียง คล้อยตามแฟนอย่างง่ายดาย ถึงแม้ว่าบางครั้งจะไม่ชอบแต่ก็มักจะฝืนใจทำตามแฟนไปซะอย่างนั้น หากดูลักษณะภายนอกจะดูเพียบพร้อมไปทุกอย่าง แต่จริงๆ แล้วลึกๆ ข้างในแอบเก็บกดเรื่องต่างๆ ไว้ใช่น้อยเลย


3. แก้วกาแฟที่มีสีสันสดใส สำหรับผู้ที่ชื่นชอบแก้วกาแฟที่มีสีสันสดใส แสดงถึงความที่เป็นคนสดใส กระฉับกระเฉง รักความก้าวหน้าในชีวิต ต้องการแต่สิ่งที่ดีในชีวิต เรียกว่าเป็นพวกนิยมความสมบูรณ์แบบได้เหมือนกัน และด้วยความที่เป็นคนรักความก้าวหน้า จึงทำให้เป็นคนที่มีความพยายามสูง เพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งที่ต้องการ เป็นคนที่ใจกว้าง ชอบเข้าสังคม แต่ในทางตรงกันข้ามก็เป็นคนที่มีความเป็นส่วนตัวอยู่สูง และด้วยความที่เป็นคนชอบเข้าสังคมจึงทำให้เป็นคนที่ยิ้มง่าย ยิ้มเก่ง ร่าเริง ใครที่อยู่ใกล้ๆ ก็พลอยสนุกสนานร่าเริงตามไปด้วย

4. แก้วดินเผา สำหรับผู้ที่ชื่นชอบแก้วกาแฟแบบดินเผา ที่เป็นสีแบบธรรมชาติ คุณเป็นคนที่มีน้ำใจ เห็นอกเห็นใจผู้อื่น เป็นคนที่มีอุดมการณ์ รักโลก ชอบดูแลสิ่งแวดล้อม บุคลิกเด่นๆ จะเห็นว่าคุณเป็นคนที่เงียบๆ ไม่สุงสิงอะไรกับใคร ไม่เข้าหาใครก่อน แต่ก็เป็นคนที่ยิ้มง่าย กว่าที่จะทำความรู้จักสนิทสนมกับใครก็ต้องใช้เวลาในการปรับตัวสักเล็กน้อย ทั้งนี้ก็เพราะว่าโยลึกๆ แล้วคุณค่อนข้างเป็นคนที่อ่อนไหว เปราะบาง และสะเทือนใจง่าย นั่นเอง


ยังไม่จบเพียงเท่านี้นะคะ ยังมีแก้วกาแฟลักษณะอื่นๆ อีก อย่างไรติดตามกันครั้งฟน้านะคะ ว่าแก้วกาแฟที่เหลือนั้นจะสามารถบอกความเป็นตัวคุณได้อย่างไรบ้างค่ะ ^^

วันศุกร์ที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2551

ส่วนผสมของกาแฟแต่ละชนิด




คาปูชิโน


สำหรับ คาปูชิโนนั้นส่วนผสมหลักแล้วก็จะมีอัตราส่วนของเอสเพรสโซ 1/3 ส่วน ผสมกับนมสตีม (นมร้อนผ่านไอน้ำ) 1/3 ส่วน และนมตีเป็นโฟมละเอียด 1/3 ส่วนลอยอยู่ด้านบน นอกจากนั้นอาจโรยหน้าด้วยผงซินนามอน หรือ ผงโกโก้เล็กน้อยตามความชอบ ส่วนผสมของคาปูชิโนต่างจากของลาเต้ มาเกียโต้ (latte macchiato) ซึ่งประกอบไปด้วยนมเป็นส่วนใหญ่และนมตีโฟมเพียงเล็กน้อย




ลาเต้


เอสเพรสโซ 1/3 ส่วน และนมร้อนอีก 2/3 ส่วน ลงในถ้วยพร้อมๆ กัน และจะหยอดโฟมนมหนาประมาณ 1 ซม. ทับข้างบน ในการชงกาแฟลาเต้ บาริสต้า (หรือผู้ชงกาแฟที่ชำนาญงาน) จะใช้วิธีขยับข้อมือเล็กน้อยขณะที่รินนมและโฟมนมลงบนกาแฟ ทำให้เกิดลวดลายต่าง ๆ เรียกว่า ลาเต้อาร์ต (latte art) หรือศิลปะฟองนมในถ้วยกาแฟ




เอสเพรสโซ๋


วิธีการชงแบบใช้แรงอัด ทำให้เอสเพรสโซมีรสชาติกาแฟซึ่งเข้มข้นและหนักแน่น ต่างจากกาแฟทั่ว ๆ ไปซึ่งชงแบบผ่านน้ำหยด และเพราะรสชาติเข้มข้นและหนักแน่นอันเป็นเอกลักษณ์นี้เอง ทำให้คอกาแฟดื่มเอสเพรสโซโดยไม่ปรุงด้วยน้ำตาลหรือนม และมักจะเสิร์ฟเป็นชอต (แก้วแบบจอก) เพื่อให้ปริมาณไม่มากจนเกินไป(ประมาณ 1-2 ออนซ์ หรือ 30-60มิลลิลิตร แตกต่างตาม พฤติกรรมการดื่่ม ของแต่ละประเทศ) การสั่งเอสเพรสโซตามร้านกาแฟทั่วไป มักสั่งตามปริมาณเป็น "ซิงเกิ้ล" หรือ "ดับเบิ้ล" (ชอตเดียว หรือ สองชอต)




ผงกาแฟที่ใช้ ขึ้นอยู่กับแต่ละระบบการชง ระบบการชงแบบแรงดันนำ้ หรือแรงอัด จะต้องใช้ผงละเอียด แต่ไม่ถึงกับเป็นแป้ง (ขนาดของไซด์ผงกาแฟที่บด จะแปรผันตาม ระยะเวลาที่ทำกาแฟ อาทิ เครื่องชงแบบ เอสเพรสโซ่ เวลามาตราฐานอยู่ที่ 18-30 วินาที ก็ต้องใช้ ผงละเอียด แต่หากเป็นการชง ลักษณะอื่นๆ เช่น ชงโดยที่ชงแบบเฟรนช์เพรส ก็ต้องบดให้หยาบขึ้นและระยะเวลาที่ชงก็จะเพิ่มขึ้นตามลำดับ <ยิ่งหยาบยิ่งต้องใช้เวลานานขึ้นในการชง>
ในการชงเอสเพรสโซ จะต้องควบคุมปัจจัยต่างๆ ที่มีผลต่อรสชาติ อาทิ เมล็ดกาแฟที่ใช้ (สมควรเป็นเมล็ดกาแฟที่คั่ว เก็บมาไม่เกิน 1 เดือน),การบดกาแฟ (ขนาดของผงกาแฟที่บด ต้องสัมพันธ์ กับเครื่องชงและระยะเวลาการไหล ของกาแฟ ขณะชง) , นำ้ที่ใช้ชงกาแฟ (คุณภาพเป็นนำ้ที่ใช้ บริโภค ไม่ควรใช้นำ้สะอาดบริสุทธิ์ จนเกินไป เพราะ นอกจากไม่ได้รับ สารอาหารที่มากับนำ้ แล้วยังมีผลกระทบ ต่อรสชาติ ด้วย) , ระยะเวลาในการชง (ดังที่กล่าวไว้ ในข้างต้น หากใช้เวลา การชงเอสเพรสโซ่ตำ่กว่า 18 วินาที หรือ underextract แสดงว่า การแพคกาแฟ ต่อชอต ไม่แน่นพอ หรือ ปริมาณผงกาแฟในชอต มีน้อยเกินไป หรือ ขนาดผงกาแฟหยาบเกินไป หากการหลั่นกาแฟเอสเพรสโซ่ นานเกินกว่า 30 วินาที จะมีผลทำให้เอสเพรสโซ่ที่ได้ มีรสขม bitter ไม่เข้ม มีกลิ่นไหม้ burn จากการชงแบบเครื่องอัด




วันอังคารที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2551

ระดับการคั่วเมล็ดกาแฟ


สวัสดีค่ะ เมื่อครั้งที่แล้วก็ทราบกันไปแล้วนะคะว่า กาแฟแต่ละชนิด ที่เราเห็นกันอยู่บนป้ายตามร้านกาแฟนั้น แต่ละสูตรมีรสชาดเป็นอย่างไร ทีนี้เวลาที่เข้าไปร้านกาแฟ ก็คงสั่งกันได้ถูกแล้วนะคะ


ทีนี้เคยสังเกตกันบ้างไหมคะว่า ตามร้านกาแฟ นอกจากจะมีป้ายชื่อของกาแฟแต่ละชนิดแล้ว บางร้านยังมีกระปุกที่ใส่เมล็ดกาแฟ ตั้งโชว์ไว้ที่เคาน์เตอร์ด้วยอีกต่างหาก แล้วทีนี้เราก็จะเห็นว่ามีเมล็ดกาแฟหลายหลายชื่อ เคยสงสัยกันบ้างไหมคะ ว่าแล้วมันจะมีรสชาดที่แตกต่าง หรือมีอะไรที่แตกต่างกันบ้าง


วันนี้เพื่อนๆ จะได้คลายความสงสัยกันแล้วล่ะค่ะ เพราะว่าแต่ละชื่อนั้นคือชื่อของพันธุ์เมล็ดกาแฟ และลักษณะของการคั่วเมล็ดกาแฟนั่นเองค่ะ



การคั่วระดับอ่อนที่สุด หรือ Cinamon Roast คือการคั่วระดับอ่อนให้เมล็ดกาแฟมีสีเหมือนเปลือกซินามอน ซึ่งให้รสชาติอ่อน


การคั่วระดับค่อนข้างอ่อน City and Full City Roast สีกาแฟจะมีสีที่เข้มกว่าซินามอนเล็กน้อย มีน้ำมันออกมาน้อยมาก รสชาดอ่อน : Blue Coffee


การคั่วระดับปานกลาง Vienna Roast สีของเมล็ดกาแฟนั้นจะมีสีน้ำตาล รสชาดปานกลาง แต่มีกลิ่นหอมมาก หรือ อราบิก้า เบล็นด์ นั่นเองค่ะ


การคั่วระดับค่อนข้างเข้ม Italian Roast เมล็ดกาแฟนั้นจะมีสีชอคโกแลต มีหยดน้ำมันเคลือบอยู่ครึ่งหนึ่งด้วยค่ะ หรือกาแฟ ดาร์ค อราบิก้า และมอคค่าค่ะ


การคั่วระดับเข้ม French Roast เมล็ดกาแฟจะมีสีน้ำตาลแก่ มีน้ำมันรอบเมล็ด รสชาติขมอมหวาน หรือ เอสเพรสโซ่นั่นเองค่ะ

วันอาทิตย์ที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2551

ประเภทของกาแฟ


เคยไหมคะ ที่เวลารู้สึกอยากดื่มกาแฟขึ้นมา เมื่อเดินเข้าร้านกาแฟ แล้วไม่รู้ว่าจะสั่งกาแฟชนิดไหนดีครั้นจะบอกคนขายว่าเอากาแฟเย็น กาปฟร้อน เพียงอย่างเดียว คนขายก็อาจจะงง และไม่รู้ว่าจะทำสูตรไหนให้คุณดี


ดังนั้นเราจึงต้องคิดและสั่งสูตรกาแฟเองถูกไหมคะ แต่ก็นั่นอีกเช่นกัน ถึงแม้ว่าตามร้านกาแฟทั่วๆ ไป จะมีชื่อของสูตรกาแฟให้คุณสั่งอยู่หลายชนิดก็ตาม แต่คุณก็ยังคงไม่ทราบว่าจะสั่งสูตรไหนดี และแต่ละสูตรนั้นเป็นอย่างไร มีรสชาดอย่างไร มีส่วนผสมอะไรบ้าง และแต่ละสูตรนั้นมีความแตกต่างกันอย่างไร
ดังนั้นวันนี้เรามาดูกันนะคะว่า สูตรกาแฟที่อยู่บนป้ายตามร้านกาแฟต่างๆ นั้น แต่ละสูตรจะเป็นอย่างไร มีรสชาด ส่วนผสมอะไรบ้างค่ะ มาเริ่มกันที่สูตรแรก ก็คือ


คาปูชิโน : Cappuccino มีต้นกำเนิดมาจากประเทศอิตาลี ซึ่งจะมี เอสเพรสโซ่และนม เป็นส่วนผสมหลักค่ะ คนในประเทศอิตาลีส่วนใหญ่มักมีการดื่มกาแฟชนิดคาปูชิโน่โดยเฉพาะในตอนเช้ากันค่ะ ซึ่งก็อาจจะมีขนมปังแผ่นหรือคุ้กกี้ประกอบด้วยค่ะ


ทั้งนี้อาจเป็นเพราะว่าวิถีชีวิตของชาวอิตาลีมักไม่ค่อยรับประทานอาหารเช้าแบบเป็นกิจลักษณะ คาปูชิโนและขนมปังเบาๆ จึงเหมาะเป็นอาหารรองท้องสำหรับยามเช้า และด้วยเหตุนี้ทำให้ไม่ดื่มคาปูชิโนในช่วงอื่นของวัน


ลาเต้ : Latte สำหรับประเภทของกาแฟชนิดถัดมาก็คือ Latte ค่ะ ลาเต้เป็นภาษาอิตาลี ซึ่งมีความหมายที่แปลว่า นม นั่นเองค่ะ ดังนั้นรสชาดจึงมีความหวานและมันจากนมค่ะ กาแฟลาเต้นี้เป็นที่นิยมอย่างมากนอกประเทศอิตาลีช่วงต้นทศวรรษที่ 1980 ค่ะ นอกจากนี้นะคะ กาแฟลาเต้ที่รู้จักกันในอิตาลี ยังมีความหมายที่ใกล้เคียงกับภาษาฝรั่งเศส "café au lait" ซึ่งหมายถึง กาแฟกับนม อีกด้วยค่ะ


มอคค่า : Mocca เป็นกาแฟอราบิก้าชนิดหนึ่ง สำหรับที่มาของกาแฟมอคค่านี้ก็เนื่องจาก กาแฟมอคค่านี้เป็นกาแฟอราบิก้าชนิดหนึ่งที่ปลูกอยู่บริเวณท่าเรือมอคค่า ในประเทศเยเมน นั่นเองค่ะ ซึ่งกาแฟมอคค่านี้จะมีสีและกลื่นคล้ายชอคโกแลต (แม้ว่าจะไม่มีส่วนประกอบของชอคโกแลตในมอคค่าเลยก็ตาม) ซึ่งก็นับว่าเป็นเอกลัษณ์เฉพาะของกาแฟมอคค่าค่ะ


นอกจากนี้มอคค่ายังหมายถึง สูตรกาแฟที่มีส่วนผสมระหว่าง เอสเพรสโซ่และโกโก้อีกด้วยค่ะ


อเมริกาโน : Café Americano สำหรับที่มาของชื่ออเมริกาโนนั้น ตีความกันอย่างง่ายๆ ก็หมายถึงสหรัฐอเมริกานั่นเองค่ะ ว่ากันว่าเอสเพรสโซเพียว ๆ นั้น เข้มข้นเกินไปสำหรับคอกาแฟชาวอเมริกา ดังนั้นจึงได้มีการปรับปรุงสูตร โดยมีการนำน้ำร้อนมาเจือจางกาแฟเอสเพรสโซเพือให้มีรสชาดที่เบาบางลงค่ะแต่ทั้งนี้ทั้งนั้นถึงแม้ที่มาของชื่อจะหมายถึงกาแฟสไตล์อเมริกาก็ตาม แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าอเมริกาโนนี้จะเป็นกาแฟที่คนอเมริกานิยมดื่มกันนะคะ


เอสเพรสโซ : Espresso และสำหรับกาแฟประเภทสุดท้ายนี้ก็คือ เอสเพรสโซ่ ที่มีรสชาดเข้มข้นที่สุดก็ว่าได้ค่ะ โดยที่มาของเอสเพรสโซ่นี้ มาจากคำในภาษาอิตาลี ที่แปลว่า เร่งด่วน


เอสเพรสโซเป็นกาแฟที่นิยมมากที่สุดในแถบประเทศยุโรปตอนใต้ โดยเฉพาะประเทศอิตาลีและฝรั่งเศส การสั่งกาแฟ "caffe" ในร้าน ส่วนใหญ่แล้วจะสั่งเป็นกาแฟเอสเพรสโซ่กันค่ะ


โดยทั่วไปแล้ว ผู้ที่ดื่มกาแฟเอสเพรสโซ่นั้นจะไม่เติม น้ำตาลหรือนม แต่อย่างใด ทั้งนี้ก็เพื่อที่จะลิ้มรสของความเข้มข้นและหนักแน่นของเอสเพรสโซ่แท้ๆ Tips เล็กๆ น้อยๆ สำหรับผู้ที่ชื่นชอบเอสเพรสโซ่ ต้องดื่มในขณะที่ชงเสร็จใหม่ เนื่องจากเอสเพรสโซ๋มีความไวสูงในการทำปฏิกิริยากับออกซิเจน ดังนั้นเพื่อไม่ให้เสียรสชาดของเอสเพรสโซ่ที่แท้จริงก็ควรดื่มขณะที่ชงเสร็จใหม่ๆ ค่ะ


เป็นอย่างไรบ้างคะ สำหรับประเภทของกาแฟที่นำมาฝากในวันนี้ ทีนี้พอเข้าร้านกาแฟก็จะได้สั่งได้ถูกกันนะคะว่าต้องการดื่มรสชาดประมาณไหน หากเช้าไหนที่รู้สึกเหนื่อยและไม่ค่อยกระตือรือร้นสักเท่าไหร่ จะสั่งเอสเพรสโซ่เรียกพลังซักแก้วก็ไม่ว่ากันนะคะ แต่สำหรับเจ้าของ Blog ขอบอกว่าชอบ คาปูชิโน่ค่ะ
และสำหรับครั้งหน้าจะนำวิธีการชงกาแฟของสูตรต่างๆ มาแนะนำให้ทราบกันนะคะ และรับรองว่าจะนำเรื่องราวดีๆ ที่เกี่ยวกับกาแฟมาบอกเล่าให้ฟังกันอีกแน่นอนค่ะ

ประเภทของกาแฟต่างๆ

เคยไหมคะ ที่เวลารู้สึกอยากดื่มกาแฟขึ้นมา เมื่อเดินเข้าร้านกาแฟ แล้วไม่รู้ว่าจะสั่งกาแฟชนิดไหนดี

ครั้นจะบอกคนขายว่าเอากาแฟเย็น กาปฟร้อน เพียงอย่างเดียว คนขายก็อาจจะงง และไม่รู้ว่าจะทำสูตรไหนให้คุณดี



ดังนั้นเราจึงต้องคิดและสั่งสูตรกาแฟเองถูกไหมคะ แต่ก็นั่นอีกเช่นกัน ถึงแม้ว่าตามร้านกาแฟทั่วๆ ไป จะมีชื่อของสูตรกาแฟให้คุณสั่งอยู่หลายชนิดก็ตาม แต่คุณก็ยังคงไม่ทราบว่าจะสั่งสูตรไหนดี และแต่ละสูตรนั้นเป็นอย่างไร มีรสชาดอย่างไร มีส่วนผสมอะไรบ้าง และแต่ละสูตรนั้นมีความแตกต่างกันอย่างไร



ดังนั้นวันนี้เรามาดูกันนะคะว่า สูตรกาแฟที่อยู่บนป้ายตามร้านกาแฟต่างๆ นั้น แต่ละสูตรจะเป็นอย่างไร มีรสชาด ส่วนผสมอะไรบ้างค่ะ มาเริ่มกันที่สูตรแรก ก็คือ



คาปูชิโน : Cappuccino มีต้นกำเนิดมาจากประเทศอิตาลี ซึ่งจะมี เอสเพรสโซ่และนม เป็นส่วนผสมหลักค่ะ

คนในประเทศอิตาลีส่วนใหญ่มักมีการดื่มกาแฟชนิดคาปูชิโน่โดยเฉพาะในตอนเช้ากันค่ะ ซึ่งก็อาจจะมีขนมปังแผ่นหรือคุ้กกี้ประกอบด้วยค่ะ



ทั้งนี้อาจเป็นเพราะว่าวิถีชีวิตของชาวอิตาลีมักไม่ค่อยรับประทานอาหารเช้าแบบเป็นกิจลักษณะ คาปูชิโนและขนมปังเบาๆ จึงเหมาะเป็นอาหารรองท้องสำหรับยามเช้า และด้วยเหตุนี้ทำให้ไม่ดื่มคาปูชิโนในช่วงอื่นของวัน



ลาเต้ : Latte สำหรับประเภทของกาแฟชนิดถัดมาก็คือ Latte ค่ะ ลาเต้เป็นภาษาอิตาลี ซึ่งมีความหมายที่แปลว่า นม นั่นเองค่ะ ดังนั้นรสชาดจึงมีความหวานและมันจากนมค่ะ กาแฟลาเต้นี้เป็นที่นิยมอย่างมากนอกประเทศอิตาลีช่วงต้นทศวรรษที่ 1980 ค่ะ นอกจากนี้นะคะ กาแฟลาเต้ที่รู้จักกันในอิตาลี ยังมีความหมายที่ใกล้เคียงกับภาษาฝรั่งเศส "café au lait" ซึ่งหมายถึง กาแฟกับนม อีกด้วยค่ะ



มอคค่า : Mocca เป็นกาแฟอราบิก้าชนิดหนึ่ง สำหรับที่มาของกาแฟมอคค่านี้ก็เนื่องจาก กาแฟมอคค่านี้เป็นกาแฟอราบิก้าชนิดหนึ่งที่ปลูกอยู่บริเวณท่าเรือมอคค่า ในประเทศเยเมน นั่นเองค่ะ ซึ่งกาแฟมอคค่านี้จะมีสีและกลื่นคล้ายชอคโกแลต (แม้ว่าจะไม่มีส่วนประกอบของชอคโกแลตในมอคค่าเลยก็ตาม) ซึ่งก็นับว่าเป็นเอกลัษณ์เฉพาะของกาแฟมอคค่าค่ะ



นอกจากนี้มอคค่ายังหมายถึง สูตรกาแฟที่มีส่วนผสมระหว่าง เอสเพรสโซ่และโกโก้อีกด้วยค่ะ





อเมริกาโน : Café Americano สำหรับที่มาของชื่ออเมริกาโนนั้น ตีความกันอย่างง่ายๆ ก็หมายถึงสหรัฐอเมริกานั่นเองค่ะ ว่ากันว่าเอสเพรสโซเพียว ๆ นั้น เข้มข้นเกินไปสำหรับคอกาแฟชาวอเมริกา ดังนั้นจึงได้มีการปรับปรุงสูตร โดยมีการนำน้ำร้อนมาเจือจางกาแฟเอสเพรสโซเพือให้มีรสชาดที่เบาบางลงค่ะ

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นถึงแม้ที่มาของชื่อจะหมายถึงกาแฟสไตล์อเมริกาก็ตาม แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าอเมริกาโนนี้จะเป็นกาแฟที่คนอเมริกานิยมดื่มกันนะคะ





เอสเพรสโซ : Espresso และสำหรับกาแฟประเภทสุดท้ายนี้ก็คือ เอสเพรสโซ่ ที่มีรสชาดเข้มข้นที่สุดก็ว่าได้ค่ะ โดยที่มาของเอสเพรสโซ่นี้ มาจากคำในภาษาอิตาลี ที่แปลว่า เร่งด่วน



เอสเพรสโซเป็นกาแฟที่นิยมมากที่สุดในแถบประเทศยุโรปตอนใต้ โดยเฉพาะประเทศอิตาลีและฝรั่งเศส การสั่งกาแฟ "caffe" ในร้าน ส่วนใหญ่แล้วจะสั่งเป็นกาแฟเอสเพรสโซ่กันค่ะ



โดยทั่วไปแล้ว ผู้ที่ดื่มกาแฟเอสเพรสโซ่นั้นจะไม่เติม น้ำตาลหรือนม แต่อย่างใด ทั้งนี้ก็เพื่อที่จะลิ้มรสของความเข้มข้นและหนักแน่นของเอสเพรสโซ่แท้ๆ Tips เล็กๆ น้อยๆ สำหรับผู้ที่ชื่นชอบเอสเพรสโซ่ ต้องดื่มในขณะที่ชงเสร็จใหม่ เนื่องจากเอสเพรสโซ๋มีความไวสูงในการทำปฏิกิริยากับออกซิเจน ดังนั้นเพื่อไม่ให้เสียรสชาดของเอสเพรสโซ่ที่แท้จริงก็ควรดื่มขณะที่ชงเสร็จใหม่ๆ ค่ะ



เป็นอย่างไรบ้างคะ สำหรับประเภทของกาแฟที่นำมาฝากในวันนี้ ทีนี้พอเข้าร้านกาแฟก็จะได้สั่งได้ถูกกันนะคะว่าต้องการดื่มรสชาดประมาณไหน หากเช้าไหนที่รู้สึกเหนื่อยและไม่ค่อยกระตือรือร้นสักเท่าไหร่ จะสั่งเอสเพรสโซ่เรียกพลังซักแก้วก็ไม่ว่ากันนะคะ แต่สำหรับเจ้าของ Blog ขอบอกว่าชอบ คาปูชิโน่ค่ะ



และสำหรับครั้งหน้าจะนำวิธีการชงกาแฟของสูตรต่างๆ มาแนะนำให้ทราบกันนะคะ และรับรองว่าจะนำเรื่องราวดีๆ ที่เกี่ยวกับกาแฟมาบอกเล่าให้ฟังกันอีกแน่นอนค่ะ