เคยไหมคะ ที่เวลารู้สึกอยากดื่มกาแฟขึ้นมา เมื่อเดินเข้าร้านกาแฟ แล้วไม่รู้ว่าจะสั่งกาแฟชนิดไหนดีครั้นจะบอกคนขายว่าเอากาแฟเย็น กาปฟร้อน เพียงอย่างเดียว คนขายก็อาจจะงง และไม่รู้ว่าจะทำสูตรไหนให้คุณดี
ดังนั้นเราจึงต้องคิดและสั่งสูตรกาแฟเองถูกไหมคะ แต่ก็นั่นอีกเช่นกัน ถึงแม้ว่าตามร้านกาแฟทั่วๆ ไป จะมีชื่อของสูตรกาแฟให้คุณสั่งอยู่หลายชนิดก็ตาม แต่คุณก็ยังคงไม่ทราบว่าจะสั่งสูตรไหนดี และแต่ละสูตรนั้นเป็นอย่างไร มีรสชาดอย่างไร มีส่วนผสมอะไรบ้าง และแต่ละสูตรนั้นมีความแตกต่างกันอย่างไร
ดังนั้นวันนี้เรามาดูกันนะคะว่า สูตรกาแฟที่อยู่บนป้ายตามร้านกาแฟต่างๆ นั้น แต่ละสูตรจะเป็นอย่างไร มีรสชาด ส่วนผสมอะไรบ้างค่ะ มาเริ่มกันที่สูตรแรก ก็คือ
คาปูชิโน : Cappuccino มีต้นกำเนิดมาจากประเทศอิตาลี ซึ่งจะมี เอสเพรสโซ่และนม เป็นส่วนผสมหลักค่ะ คนในประเทศอิตาลีส่วนใหญ่มักมีการดื่มกาแฟชนิดคาปูชิโน่โดยเฉพาะในตอนเช้ากันค่ะ ซึ่งก็อาจจะมีขนมปังแผ่นหรือคุ้กกี้ประกอบด้วยค่ะ
ทั้งนี้อาจเป็นเพราะว่าวิถีชีวิตของชาวอิตาลีมักไม่ค่อยรับประทานอาหารเช้าแบบเป็นกิจลักษณะ คาปูชิโนและขนมปังเบาๆ จึงเหมาะเป็นอาหารรองท้องสำหรับยามเช้า และด้วยเหตุนี้ทำให้ไม่ดื่มคาปูชิโนในช่วงอื่นของวัน
ลาเต้ : Latte สำหรับประเภทของกาแฟชนิดถัดมาก็คือ Latte ค่ะ ลาเต้เป็นภาษาอิตาลี ซึ่งมีความหมายที่แปลว่า นม นั่นเองค่ะ ดังนั้นรสชาดจึงมีความหวานและมันจากนมค่ะ กาแฟลาเต้นี้เป็นที่นิยมอย่างมากนอกประเทศอิตาลีช่วงต้นทศวรรษที่ 1980 ค่ะ นอกจากนี้นะคะ กาแฟลาเต้ที่รู้จักกันในอิตาลี ยังมีความหมายที่ใกล้เคียงกับภาษาฝรั่งเศส "café au lait" ซึ่งหมายถึง กาแฟกับนม อีกด้วยค่ะ
มอคค่า : Mocca เป็นกาแฟอราบิก้าชนิดหนึ่ง สำหรับที่มาของกาแฟมอคค่านี้ก็เนื่องจาก กาแฟมอคค่านี้เป็นกาแฟอราบิก้าชนิดหนึ่งที่ปลูกอยู่บริเวณท่าเรือมอคค่า ในประเทศเยเมน นั่นเองค่ะ ซึ่งกาแฟมอคค่านี้จะมีสีและกลื่นคล้ายชอคโกแลต (แม้ว่าจะไม่มีส่วนประกอบของชอคโกแลตในมอคค่าเลยก็ตาม) ซึ่งก็นับว่าเป็นเอกลัษณ์เฉพาะของกาแฟมอคค่าค่ะ
นอกจากนี้มอคค่ายังหมายถึง สูตรกาแฟที่มีส่วนผสมระหว่าง เอสเพรสโซ่และโกโก้อีกด้วยค่ะ
อเมริกาโน : Café Americano สำหรับที่มาของชื่ออเมริกาโนนั้น ตีความกันอย่างง่ายๆ ก็หมายถึงสหรัฐอเมริกานั่นเองค่ะ ว่ากันว่าเอสเพรสโซเพียว ๆ นั้น เข้มข้นเกินไปสำหรับคอกาแฟชาวอเมริกา ดังนั้นจึงได้มีการปรับปรุงสูตร โดยมีการนำน้ำร้อนมาเจือจางกาแฟเอสเพรสโซเพือให้มีรสชาดที่เบาบางลงค่ะแต่ทั้งนี้ทั้งนั้นถึงแม้ที่มาของชื่อจะหมายถึงกาแฟสไตล์อเมริกาก็ตาม แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าอเมริกาโนนี้จะเป็นกาแฟที่คนอเมริกานิยมดื่มกันนะคะ
เอสเพรสโซ : Espresso และสำหรับกาแฟประเภทสุดท้ายนี้ก็คือ เอสเพรสโซ่ ที่มีรสชาดเข้มข้นที่สุดก็ว่าได้ค่ะ โดยที่มาของเอสเพรสโซ่นี้ มาจากคำในภาษาอิตาลี ที่แปลว่า เร่งด่วน
เอสเพรสโซเป็นกาแฟที่นิยมมากที่สุดในแถบประเทศยุโรปตอนใต้ โดยเฉพาะประเทศอิตาลีและฝรั่งเศส การสั่งกาแฟ "caffe" ในร้าน ส่วนใหญ่แล้วจะสั่งเป็นกาแฟเอสเพรสโซ่กันค่ะ
โดยทั่วไปแล้ว ผู้ที่ดื่มกาแฟเอสเพรสโซ่นั้นจะไม่เติม น้ำตาลหรือนม แต่อย่างใด ทั้งนี้ก็เพื่อที่จะลิ้มรสของความเข้มข้นและหนักแน่นของเอสเพรสโซ่แท้ๆ Tips เล็กๆ น้อยๆ สำหรับผู้ที่ชื่นชอบเอสเพรสโซ่ ต้องดื่มในขณะที่ชงเสร็จใหม่ เนื่องจากเอสเพรสโซ๋มีความไวสูงในการทำปฏิกิริยากับออกซิเจน ดังนั้นเพื่อไม่ให้เสียรสชาดของเอสเพรสโซ่ที่แท้จริงก็ควรดื่มขณะที่ชงเสร็จใหม่ๆ ค่ะ
เป็นอย่างไรบ้างคะ สำหรับประเภทของกาแฟที่นำมาฝากในวันนี้ ทีนี้พอเข้าร้านกาแฟก็จะได้สั่งได้ถูกกันนะคะว่าต้องการดื่มรสชาดประมาณไหน หากเช้าไหนที่รู้สึกเหนื่อยและไม่ค่อยกระตือรือร้นสักเท่าไหร่ จะสั่งเอสเพรสโซ่เรียกพลังซักแก้วก็ไม่ว่ากันนะคะ แต่สำหรับเจ้าของ Blog ขอบอกว่าชอบ คาปูชิโน่ค่ะ
และสำหรับครั้งหน้าจะนำวิธีการชงกาแฟของสูตรต่างๆ มาแนะนำให้ทราบกันนะคะ และรับรองว่าจะนำเรื่องราวดีๆ ที่เกี่ยวกับกาแฟมาบอกเล่าให้ฟังกันอีกแน่นอนค่ะ
ขอก๊อปไปลงใน space นะค่าาา
ตอบลบhttp://zozest.spaces.live.com/blog/cns!41913D5A2060378!1274.entry
แหม่ ไปก๊อปปี้มาจาก wikipedia มาเนี่ย น่าจะบอกที่มาหรือให้ credit เค้านิดนึงก็ดีนะคับ !!!!
ตอบลบขอบคุณมากคัฟ^^
ตอบลบขอบคุนค่า ^^
ตอบลบมั่วเปล่า
ตอบลบขอบคุณนะคะ
ตอบลบแหม ได้เข้ามาอ่านแล้ว
เวลาเข้าร้านไปสั่งจะได้ไม่อาย อิอิ
กาแฟลุงมีแร๊วกัน
ตอบลบฮ่า ๆ
อยากให้มีรูปลงด้วยอ่ะค่ะ
ตอบลบหากมีขั้นตอนการชงด้วยก็ดีนะครับ
ตอบลบขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆนะค่ะ ^-^!
ตอบลบขอก็อปข้อมูลไปทำงานส่งอาจารย์นะค่ะ
ตอบลบอยากกินจัง
ตอบลบ