Custom Search

วันอังคารที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2551

The Missing Piece


สวัสดีค่ะ วันนี้อาจจะแปลกสักเล็กน้อยนะคะ เพราะว่าไม่มีเรื่องเกี่ยวกับกาแฟใดๆ มาฝากค่ะ แต่รับรองว่ามีเรื่องดีๆ มาฝากแทนอย่างแน่นอน


เวลาที่เรานั่งจิบกาแฟไป ถ้าจะให้ดี ก็ต้องมีหนังสือดีๆ ด้วยอีกสักเล่ม คงเข้ากั๊นเข้ากันนะคะ ดังนั้นวันนี้จะมาแนะนำหนังสือดีๆ หนึ่งเล่มให้ไปหาอ่านกันค่ะ เรื่อง The Missing Piece พอดีมีโอกาสได้อ่านหนังสือของคุณปราย พันแสงเรื่อง เรื่องรักใคร่ แล้วมีกล่าวถึงเรื่อง The Missing Piece ไว้ โดยที่คุณปรายได้เรียบเรียงออกมาอีกทีหนึ่ง เมื่อ่านครั้งแรกแล้วรู้สึกชอบจริงๆ บวกกับความน่ารักของตัวหนังสือด้วย เลยอยากให้คนอื่นๆ ได้อ่านเรื่องดีๆ และมุมองดีอย่างนี้บ้าง เลยมาแนะนำไว้ในนี้ค่ะ


ที่นำมานี้ก็เป็นเพียงบางส่วนของหนังสือ The Missing Piece ซึ่งได้นำมาจากคุณปรายพันแสงอีกที ยังไงก็คงต้องแอบขออนุญาต ณ ที่นี้แล้วกันนะคะ ^ ^


The Missing Piece
เจ้าวงกลมขี้เหงา เศร้าและตลกมาก เพลงที่เขาชอบร้องคล้ายๆ เพลง I Still Haven’t Found What I’m Looking For ของ U2 เนื้อเพลงเขามีอยู่ว่า “I’ve found my missin’ piece, So grease my knees and fleece my bees, I’ve found my…..” เหมือนจะสมรักเสียที แต่ความจริงเวลามันเริ่มร้องเพลงนี้ทีไรเจอแต่ “แห้ว” เสียมากกว่า


จะไม่แห้วได้อย่างไร เพราะบ่อยครั้งที่เจ้าวงกลมของเราบุ่มบ่ามไม่ดูตาม้าตาเรือ เห็นนี่ดูเข้าที ก็คิดว่า I’ve found my missin’piece ทึกทักเอาว่าได้เจอชิ้นส่วนที่ตัวเองกำลังตามหาอยู่ทุกที
ครั้งหนึ่งเจ้าวงกลมกลิ้งไปเจอชิ้นสี่เหลี่ยมชิ้นหนึ่ง ในสายตาของวงกลมแหว่งๆ อย่างมัน โลกนี้จะมีใครสวยงามเลิศเลอเพอร์เฟ็คต์เท่าชิ้นสี่เหลี่ยมอีกเล่า นี่คือ “คนที่ใช่” หรือ The Right Person ที่ฝันหามาตลอดชีวิตนี่นา....ปิ๊ง ! ปิ๊ง !


ชิ้นสี่เหลี่ยมเองก็มีใจให้เหมือนกัน


ความรักราบรื่น ทุกอย่างเหมือนจะไปได้สวยไม่มีปัญหา แต่ปรากฏว่าถึงตอนที่ทั้งสองชิ้นจะต้อง “เติมเต็ม” ซึ่งกันและกัน ปรากฏว่าชิ้นสี่เหลี่ยมไม่อาจเติมเต็มในรอยแหว่งของเจ้าวงกลมได้ ทั้งสองจึงต้องเลิกร้างแยกทางกันไป เหลือไว้แต่ความหลังที่งดงามและความเป็นเพื่อน (รูปทรงเลขาคณิต) ที่ดีต่อกันเท่านั้น


นอกจากมีชิ้นสี่เหลี่ยมเป็นแฟนเก่าแล้ว เจ้าวงกลมยังกลิ้งไปพบใครต่อใครอีกมากมาย บางรายที่ผ่านเข้ามาก็ “แหลมคม” ไปทั้งตัว แค่ทดลอง “เติมเต็ม” ก็ทิ่มทะลุเจ้าวงกลมจนเนื้อตัวเป็นแผลเหวอะหวะพรุนไปทั้งตัว จนเจ้าวงกลมร้องจ๊าก ต้องปล่อยไป ทางใครทางมัน แต่โชคดีหน่อยในตอนท้าย เจ้าวงกลมได้เจอชิ้นส่วนสามเหลี่ยมที่หายไปของตนเองจนได้ แม้เป็นการเจออย่างไม่ตั้งใจ แต่ทั้งสองก็ “เติมเต็ม” ให้กันและกันได้พอได้



The Missing Piece Meets the Big O
ภาคต่อ
ในตอนท้ายเรื่องสามเหลี่ยม จึงต้องพยายามพลิกตัวกลิ้งเกลือกไปด้วยตัวเอง จนค่อยๆ กลมเกลี้ยงกลายเป็นวงกลมที่กลิ้งได้เอง จึงไม่ต้องค้นควานหาชิ้นส่วนอื่นมาเติมเต็มให้ตัวเองอีกต่อไป
แก่นสารของหนังสือเล่มนี้สื่อถึงความสัมพันธ์ในอุดมคติ “ไม่มีความสัมพันธ์ใดตอบสนองความต้องการของมนุษย์ได้ทั้งหมด”


เพราะทุกคนอยากอยู่ให้ได้ด้วยตนเอง อยากมีความสุขด้วยตนเอง ไม่มีใครอยากร้อนรุ่มดิ้นรนค้นหาความสุขจากคนอื่นหรือที่อื่นกันหรอก


เพราะนั่นมันเป็นความสุขชั่วคราว ควบคุมไม่ได้และพร้อมจะปลิวไปจากเราได้ทุกเมื่อ


เชื่อว่าทุกคนเจ้าใจเรื่องนี้ดี แม้จะเข้าใจสัจธรรมนี้ดี แต่ก็ยังเชื่อลึกๆ ว่าในตัวเราหลายคนยอมเป็น “วงกลม แหว่งติงต๊อง” ที่กลิ้งโค่โร่โสตายเฝ้าตามล่าหาชิ้นส่วนที่ต้องการ มากกว่าจะเป็นสามเหลี่ยมเก่งกล้า ที่พลิกตัวแล้วพลิกตัวเล่าอย่างแกร่งกล้ามั่นคง


จนกลายเป็นวงกลมเองได้ในที่สุด


เพราะฉันก็อยากเป็นวงกลม แหง่งติงต๊องเหมือนกัน



อ่านมาถึงขนาดนี้แล้ว ก็ทำให้รู้สึกอยากไปหาหนังสือเรื่อง The Missing Piece นี้มาอ่านต่อทั้งเล่มจริงๆ นะคะ หนังสือหนึ่งเล่ม กาแฟหนึ่งแก้ว แค่นี้ก็ทำให้เรามีความสุขอยู่ในมุม ในโลกของเราเนอะคะ ^ ^


ขอให้มีความสุขในทุกๆ วันค่ะ ^ ^


coffee Blood

2 ความคิดเห็น:

  1. อยากชวนไปจิบกาแฟด้วยจังเลย พอจะว่างไหมจ๊ะน้อง สาว

    ตอบลบ
  2. ไม่ระบุชื่อ11 มีนาคม 2554 เวลา 05:16

    รบกวนฝากลิ้งค์ร้านกาแฟ MISSING PIECE
    http://www.facebook.com/MissingPiececoffeeshop

    ตอบลบ