Custom Search

วันจันทร์ที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2551

ทายนิสัยจากแก้วกาแฟ


สวัสดีค่ะ สำหรับวันนี้มีเรื่องเกี่ยวกับกาแฟมาฝากอีกเช่นเคยนะคะ แต่วันนี้ออกจะแปลกไปซักเล็กน้อย เนื่องจากไม่ได้เป็นเคล็ดลับหรือความรู้เกี่ยวกับกาแฟในแบบที่ผ่านมานะคะ
เอาเป็นว่าเรื่องราวเกี่ยวกับกาแฟในวันนี้เป็นเรื่องที่เบาๆ ออกจะสนุกซักเล็กน้อยด้วยค่ะ ลองมาทดสอบกันดูนะคะว่า แก้วกาแฟที่คุณเลือกจากบรรดาแก้วกาแฟทั้งหมดนี้ สามารถบอกความเป็นตัวคุณได้ค่ะ ว่าแต่ทายออกมาแล้วจะตรงแค่ไหน คงต้องพิสูจน์ด้วยตัวคุณเองนะคะ ^ ^


1. แก้วกาแฟที่มีรูปตามราศี-วันเกิด

สำหรับผู้ที่ชื่นชอบแก้วกาแฟที่มีรูปภาพตามราศีเกิด วันเกิด หรือภาพที่บ่งบอกความเป็นตัวคุณ บ่งบอกว่าคุณเป็นคนที่ชื่นชอบงานที่เกี่ยวกับศิลปะ เป็นคนที่มีความละเอียดอ่อน รวมถึงจิตใจที่อ่อนไหวง่ายอีกด้วย และในอีกด้านหนึ่งยังหมายถึงว่าลึกๆ แล้วคุณยังเป็นคนที่ทีความเชื่อถือในเรื่องเร้นลับอีกด้วย แต่ทั้งนี้คุณเองก็เป็นคนที่มีเหตุมีผลใช่เล่น แถมยังหลักการดีอีกเสียด้วย ชอบคิดและค้นคว้า แต่ก็เฉพาะเรื่องที่คุณสนใจเท่านั้นแหละ และในบางครั้งคุณเองก็เป็นคนออกจะหัวโบราณด้วยเหมือนกันนะ และด้วยความหัวโบราณนี่เองที่ทำให้คุณมักจะปรับตัวให้เข้ากับเทคโนโลยีใหม่ๆ ยากซักหน่อย แถมบางทียังแอบมีความรู้สึกต่อต้านด้วยอีกต่างหาก


2. แก้วกาแฟที่ไม่มีลวดลายใดเลย สำหรับคนที่ชอบแก้วกาแฟเรียบๆ ไม่มีลวดลาย สีพื้น เค้าทายเอาไว้ว่า คุณเป็นคนที่มีจิตใจเปราะบาง อ่อนไหวง่าย เป็นคนละเอียดอ่อน มีความรอบคอบ นิยมความสมบูรณ์แบบ รวมถึงเรื่องของความรักด้วยเช่นกัน เมื่อพูดถึงความรักสำหรับคนที่ชื่นชอบแก้วกาแฟแบบไม่มีลายนี้ มักเป็นคนที่ชอบตามใจแฟน ไม่มีปากไม่มีเสียง คล้อยตามแฟนอย่างง่ายดาย ถึงแม้ว่าบางครั้งจะไม่ชอบแต่ก็มักจะฝืนใจทำตามแฟนไปซะอย่างนั้น หากดูลักษณะภายนอกจะดูเพียบพร้อมไปทุกอย่าง แต่จริงๆ แล้วลึกๆ ข้างในแอบเก็บกดเรื่องต่างๆ ไว้ใช่น้อยเลย


3. แก้วกาแฟที่มีสีสันสดใส สำหรับผู้ที่ชื่นชอบแก้วกาแฟที่มีสีสันสดใส แสดงถึงความที่เป็นคนสดใส กระฉับกระเฉง รักความก้าวหน้าในชีวิต ต้องการแต่สิ่งที่ดีในชีวิต เรียกว่าเป็นพวกนิยมความสมบูรณ์แบบได้เหมือนกัน และด้วยความที่เป็นคนรักความก้าวหน้า จึงทำให้เป็นคนที่มีความพยายามสูง เพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งที่ต้องการ เป็นคนที่ใจกว้าง ชอบเข้าสังคม แต่ในทางตรงกันข้ามก็เป็นคนที่มีความเป็นส่วนตัวอยู่สูง และด้วยความที่เป็นคนชอบเข้าสังคมจึงทำให้เป็นคนที่ยิ้มง่าย ยิ้มเก่ง ร่าเริง ใครที่อยู่ใกล้ๆ ก็พลอยสนุกสนานร่าเริงตามไปด้วย

4. แก้วดินเผา สำหรับผู้ที่ชื่นชอบแก้วกาแฟแบบดินเผา ที่เป็นสีแบบธรรมชาติ คุณเป็นคนที่มีน้ำใจ เห็นอกเห็นใจผู้อื่น เป็นคนที่มีอุดมการณ์ รักโลก ชอบดูแลสิ่งแวดล้อม บุคลิกเด่นๆ จะเห็นว่าคุณเป็นคนที่เงียบๆ ไม่สุงสิงอะไรกับใคร ไม่เข้าหาใครก่อน แต่ก็เป็นคนที่ยิ้มง่าย กว่าที่จะทำความรู้จักสนิทสนมกับใครก็ต้องใช้เวลาในการปรับตัวสักเล็กน้อย ทั้งนี้ก็เพราะว่าโยลึกๆ แล้วคุณค่อนข้างเป็นคนที่อ่อนไหว เปราะบาง และสะเทือนใจง่าย นั่นเอง


ยังไม่จบเพียงเท่านี้นะคะ ยังมีแก้วกาแฟลักษณะอื่นๆ อีก อย่างไรติดตามกันครั้งฟน้านะคะ ว่าแก้วกาแฟที่เหลือนั้นจะสามารถบอกความเป็นตัวคุณได้อย่างไรบ้างค่ะ ^^

วันศุกร์ที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2551

ส่วนผสมของกาแฟแต่ละชนิด




คาปูชิโน


สำหรับ คาปูชิโนนั้นส่วนผสมหลักแล้วก็จะมีอัตราส่วนของเอสเพรสโซ 1/3 ส่วน ผสมกับนมสตีม (นมร้อนผ่านไอน้ำ) 1/3 ส่วน และนมตีเป็นโฟมละเอียด 1/3 ส่วนลอยอยู่ด้านบน นอกจากนั้นอาจโรยหน้าด้วยผงซินนามอน หรือ ผงโกโก้เล็กน้อยตามความชอบ ส่วนผสมของคาปูชิโนต่างจากของลาเต้ มาเกียโต้ (latte macchiato) ซึ่งประกอบไปด้วยนมเป็นส่วนใหญ่และนมตีโฟมเพียงเล็กน้อย




ลาเต้


เอสเพรสโซ 1/3 ส่วน และนมร้อนอีก 2/3 ส่วน ลงในถ้วยพร้อมๆ กัน และจะหยอดโฟมนมหนาประมาณ 1 ซม. ทับข้างบน ในการชงกาแฟลาเต้ บาริสต้า (หรือผู้ชงกาแฟที่ชำนาญงาน) จะใช้วิธีขยับข้อมือเล็กน้อยขณะที่รินนมและโฟมนมลงบนกาแฟ ทำให้เกิดลวดลายต่าง ๆ เรียกว่า ลาเต้อาร์ต (latte art) หรือศิลปะฟองนมในถ้วยกาแฟ




เอสเพรสโซ๋


วิธีการชงแบบใช้แรงอัด ทำให้เอสเพรสโซมีรสชาติกาแฟซึ่งเข้มข้นและหนักแน่น ต่างจากกาแฟทั่ว ๆ ไปซึ่งชงแบบผ่านน้ำหยด และเพราะรสชาติเข้มข้นและหนักแน่นอันเป็นเอกลักษณ์นี้เอง ทำให้คอกาแฟดื่มเอสเพรสโซโดยไม่ปรุงด้วยน้ำตาลหรือนม และมักจะเสิร์ฟเป็นชอต (แก้วแบบจอก) เพื่อให้ปริมาณไม่มากจนเกินไป(ประมาณ 1-2 ออนซ์ หรือ 30-60มิลลิลิตร แตกต่างตาม พฤติกรรมการดื่่ม ของแต่ละประเทศ) การสั่งเอสเพรสโซตามร้านกาแฟทั่วไป มักสั่งตามปริมาณเป็น "ซิงเกิ้ล" หรือ "ดับเบิ้ล" (ชอตเดียว หรือ สองชอต)




ผงกาแฟที่ใช้ ขึ้นอยู่กับแต่ละระบบการชง ระบบการชงแบบแรงดันนำ้ หรือแรงอัด จะต้องใช้ผงละเอียด แต่ไม่ถึงกับเป็นแป้ง (ขนาดของไซด์ผงกาแฟที่บด จะแปรผันตาม ระยะเวลาที่ทำกาแฟ อาทิ เครื่องชงแบบ เอสเพรสโซ่ เวลามาตราฐานอยู่ที่ 18-30 วินาที ก็ต้องใช้ ผงละเอียด แต่หากเป็นการชง ลักษณะอื่นๆ เช่น ชงโดยที่ชงแบบเฟรนช์เพรส ก็ต้องบดให้หยาบขึ้นและระยะเวลาที่ชงก็จะเพิ่มขึ้นตามลำดับ <ยิ่งหยาบยิ่งต้องใช้เวลานานขึ้นในการชง>
ในการชงเอสเพรสโซ จะต้องควบคุมปัจจัยต่างๆ ที่มีผลต่อรสชาติ อาทิ เมล็ดกาแฟที่ใช้ (สมควรเป็นเมล็ดกาแฟที่คั่ว เก็บมาไม่เกิน 1 เดือน),การบดกาแฟ (ขนาดของผงกาแฟที่บด ต้องสัมพันธ์ กับเครื่องชงและระยะเวลาการไหล ของกาแฟ ขณะชง) , นำ้ที่ใช้ชงกาแฟ (คุณภาพเป็นนำ้ที่ใช้ บริโภค ไม่ควรใช้นำ้สะอาดบริสุทธิ์ จนเกินไป เพราะ นอกจากไม่ได้รับ สารอาหารที่มากับนำ้ แล้วยังมีผลกระทบ ต่อรสชาติ ด้วย) , ระยะเวลาในการชง (ดังที่กล่าวไว้ ในข้างต้น หากใช้เวลา การชงเอสเพรสโซ่ตำ่กว่า 18 วินาที หรือ underextract แสดงว่า การแพคกาแฟ ต่อชอต ไม่แน่นพอ หรือ ปริมาณผงกาแฟในชอต มีน้อยเกินไป หรือ ขนาดผงกาแฟหยาบเกินไป หากการหลั่นกาแฟเอสเพรสโซ่ นานเกินกว่า 30 วินาที จะมีผลทำให้เอสเพรสโซ่ที่ได้ มีรสขม bitter ไม่เข้ม มีกลิ่นไหม้ burn จากการชงแบบเครื่องอัด




วันอังคารที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2551

ระดับการคั่วเมล็ดกาแฟ


สวัสดีค่ะ เมื่อครั้งที่แล้วก็ทราบกันไปแล้วนะคะว่า กาแฟแต่ละชนิด ที่เราเห็นกันอยู่บนป้ายตามร้านกาแฟนั้น แต่ละสูตรมีรสชาดเป็นอย่างไร ทีนี้เวลาที่เข้าไปร้านกาแฟ ก็คงสั่งกันได้ถูกแล้วนะคะ


ทีนี้เคยสังเกตกันบ้างไหมคะว่า ตามร้านกาแฟ นอกจากจะมีป้ายชื่อของกาแฟแต่ละชนิดแล้ว บางร้านยังมีกระปุกที่ใส่เมล็ดกาแฟ ตั้งโชว์ไว้ที่เคาน์เตอร์ด้วยอีกต่างหาก แล้วทีนี้เราก็จะเห็นว่ามีเมล็ดกาแฟหลายหลายชื่อ เคยสงสัยกันบ้างไหมคะ ว่าแล้วมันจะมีรสชาดที่แตกต่าง หรือมีอะไรที่แตกต่างกันบ้าง


วันนี้เพื่อนๆ จะได้คลายความสงสัยกันแล้วล่ะค่ะ เพราะว่าแต่ละชื่อนั้นคือชื่อของพันธุ์เมล็ดกาแฟ และลักษณะของการคั่วเมล็ดกาแฟนั่นเองค่ะ



การคั่วระดับอ่อนที่สุด หรือ Cinamon Roast คือการคั่วระดับอ่อนให้เมล็ดกาแฟมีสีเหมือนเปลือกซินามอน ซึ่งให้รสชาติอ่อน


การคั่วระดับค่อนข้างอ่อน City and Full City Roast สีกาแฟจะมีสีที่เข้มกว่าซินามอนเล็กน้อย มีน้ำมันออกมาน้อยมาก รสชาดอ่อน : Blue Coffee


การคั่วระดับปานกลาง Vienna Roast สีของเมล็ดกาแฟนั้นจะมีสีน้ำตาล รสชาดปานกลาง แต่มีกลิ่นหอมมาก หรือ อราบิก้า เบล็นด์ นั่นเองค่ะ


การคั่วระดับค่อนข้างเข้ม Italian Roast เมล็ดกาแฟนั้นจะมีสีชอคโกแลต มีหยดน้ำมันเคลือบอยู่ครึ่งหนึ่งด้วยค่ะ หรือกาแฟ ดาร์ค อราบิก้า และมอคค่าค่ะ


การคั่วระดับเข้ม French Roast เมล็ดกาแฟจะมีสีน้ำตาลแก่ มีน้ำมันรอบเมล็ด รสชาติขมอมหวาน หรือ เอสเพรสโซ่นั่นเองค่ะ

วันอาทิตย์ที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2551

ประเภทของกาแฟ


เคยไหมคะ ที่เวลารู้สึกอยากดื่มกาแฟขึ้นมา เมื่อเดินเข้าร้านกาแฟ แล้วไม่รู้ว่าจะสั่งกาแฟชนิดไหนดีครั้นจะบอกคนขายว่าเอากาแฟเย็น กาปฟร้อน เพียงอย่างเดียว คนขายก็อาจจะงง และไม่รู้ว่าจะทำสูตรไหนให้คุณดี


ดังนั้นเราจึงต้องคิดและสั่งสูตรกาแฟเองถูกไหมคะ แต่ก็นั่นอีกเช่นกัน ถึงแม้ว่าตามร้านกาแฟทั่วๆ ไป จะมีชื่อของสูตรกาแฟให้คุณสั่งอยู่หลายชนิดก็ตาม แต่คุณก็ยังคงไม่ทราบว่าจะสั่งสูตรไหนดี และแต่ละสูตรนั้นเป็นอย่างไร มีรสชาดอย่างไร มีส่วนผสมอะไรบ้าง และแต่ละสูตรนั้นมีความแตกต่างกันอย่างไร
ดังนั้นวันนี้เรามาดูกันนะคะว่า สูตรกาแฟที่อยู่บนป้ายตามร้านกาแฟต่างๆ นั้น แต่ละสูตรจะเป็นอย่างไร มีรสชาด ส่วนผสมอะไรบ้างค่ะ มาเริ่มกันที่สูตรแรก ก็คือ


คาปูชิโน : Cappuccino มีต้นกำเนิดมาจากประเทศอิตาลี ซึ่งจะมี เอสเพรสโซ่และนม เป็นส่วนผสมหลักค่ะ คนในประเทศอิตาลีส่วนใหญ่มักมีการดื่มกาแฟชนิดคาปูชิโน่โดยเฉพาะในตอนเช้ากันค่ะ ซึ่งก็อาจจะมีขนมปังแผ่นหรือคุ้กกี้ประกอบด้วยค่ะ


ทั้งนี้อาจเป็นเพราะว่าวิถีชีวิตของชาวอิตาลีมักไม่ค่อยรับประทานอาหารเช้าแบบเป็นกิจลักษณะ คาปูชิโนและขนมปังเบาๆ จึงเหมาะเป็นอาหารรองท้องสำหรับยามเช้า และด้วยเหตุนี้ทำให้ไม่ดื่มคาปูชิโนในช่วงอื่นของวัน


ลาเต้ : Latte สำหรับประเภทของกาแฟชนิดถัดมาก็คือ Latte ค่ะ ลาเต้เป็นภาษาอิตาลี ซึ่งมีความหมายที่แปลว่า นม นั่นเองค่ะ ดังนั้นรสชาดจึงมีความหวานและมันจากนมค่ะ กาแฟลาเต้นี้เป็นที่นิยมอย่างมากนอกประเทศอิตาลีช่วงต้นทศวรรษที่ 1980 ค่ะ นอกจากนี้นะคะ กาแฟลาเต้ที่รู้จักกันในอิตาลี ยังมีความหมายที่ใกล้เคียงกับภาษาฝรั่งเศส "café au lait" ซึ่งหมายถึง กาแฟกับนม อีกด้วยค่ะ


มอคค่า : Mocca เป็นกาแฟอราบิก้าชนิดหนึ่ง สำหรับที่มาของกาแฟมอคค่านี้ก็เนื่องจาก กาแฟมอคค่านี้เป็นกาแฟอราบิก้าชนิดหนึ่งที่ปลูกอยู่บริเวณท่าเรือมอคค่า ในประเทศเยเมน นั่นเองค่ะ ซึ่งกาแฟมอคค่านี้จะมีสีและกลื่นคล้ายชอคโกแลต (แม้ว่าจะไม่มีส่วนประกอบของชอคโกแลตในมอคค่าเลยก็ตาม) ซึ่งก็นับว่าเป็นเอกลัษณ์เฉพาะของกาแฟมอคค่าค่ะ


นอกจากนี้มอคค่ายังหมายถึง สูตรกาแฟที่มีส่วนผสมระหว่าง เอสเพรสโซ่และโกโก้อีกด้วยค่ะ


อเมริกาโน : Café Americano สำหรับที่มาของชื่ออเมริกาโนนั้น ตีความกันอย่างง่ายๆ ก็หมายถึงสหรัฐอเมริกานั่นเองค่ะ ว่ากันว่าเอสเพรสโซเพียว ๆ นั้น เข้มข้นเกินไปสำหรับคอกาแฟชาวอเมริกา ดังนั้นจึงได้มีการปรับปรุงสูตร โดยมีการนำน้ำร้อนมาเจือจางกาแฟเอสเพรสโซเพือให้มีรสชาดที่เบาบางลงค่ะแต่ทั้งนี้ทั้งนั้นถึงแม้ที่มาของชื่อจะหมายถึงกาแฟสไตล์อเมริกาก็ตาม แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าอเมริกาโนนี้จะเป็นกาแฟที่คนอเมริกานิยมดื่มกันนะคะ


เอสเพรสโซ : Espresso และสำหรับกาแฟประเภทสุดท้ายนี้ก็คือ เอสเพรสโซ่ ที่มีรสชาดเข้มข้นที่สุดก็ว่าได้ค่ะ โดยที่มาของเอสเพรสโซ่นี้ มาจากคำในภาษาอิตาลี ที่แปลว่า เร่งด่วน


เอสเพรสโซเป็นกาแฟที่นิยมมากที่สุดในแถบประเทศยุโรปตอนใต้ โดยเฉพาะประเทศอิตาลีและฝรั่งเศส การสั่งกาแฟ "caffe" ในร้าน ส่วนใหญ่แล้วจะสั่งเป็นกาแฟเอสเพรสโซ่กันค่ะ


โดยทั่วไปแล้ว ผู้ที่ดื่มกาแฟเอสเพรสโซ่นั้นจะไม่เติม น้ำตาลหรือนม แต่อย่างใด ทั้งนี้ก็เพื่อที่จะลิ้มรสของความเข้มข้นและหนักแน่นของเอสเพรสโซ่แท้ๆ Tips เล็กๆ น้อยๆ สำหรับผู้ที่ชื่นชอบเอสเพรสโซ่ ต้องดื่มในขณะที่ชงเสร็จใหม่ เนื่องจากเอสเพรสโซ๋มีความไวสูงในการทำปฏิกิริยากับออกซิเจน ดังนั้นเพื่อไม่ให้เสียรสชาดของเอสเพรสโซ่ที่แท้จริงก็ควรดื่มขณะที่ชงเสร็จใหม่ๆ ค่ะ


เป็นอย่างไรบ้างคะ สำหรับประเภทของกาแฟที่นำมาฝากในวันนี้ ทีนี้พอเข้าร้านกาแฟก็จะได้สั่งได้ถูกกันนะคะว่าต้องการดื่มรสชาดประมาณไหน หากเช้าไหนที่รู้สึกเหนื่อยและไม่ค่อยกระตือรือร้นสักเท่าไหร่ จะสั่งเอสเพรสโซ่เรียกพลังซักแก้วก็ไม่ว่ากันนะคะ แต่สำหรับเจ้าของ Blog ขอบอกว่าชอบ คาปูชิโน่ค่ะ
และสำหรับครั้งหน้าจะนำวิธีการชงกาแฟของสูตรต่างๆ มาแนะนำให้ทราบกันนะคะ และรับรองว่าจะนำเรื่องราวดีๆ ที่เกี่ยวกับกาแฟมาบอกเล่าให้ฟังกันอีกแน่นอนค่ะ

ประเภทของกาแฟต่างๆ

เคยไหมคะ ที่เวลารู้สึกอยากดื่มกาแฟขึ้นมา เมื่อเดินเข้าร้านกาแฟ แล้วไม่รู้ว่าจะสั่งกาแฟชนิดไหนดี

ครั้นจะบอกคนขายว่าเอากาแฟเย็น กาปฟร้อน เพียงอย่างเดียว คนขายก็อาจจะงง และไม่รู้ว่าจะทำสูตรไหนให้คุณดี



ดังนั้นเราจึงต้องคิดและสั่งสูตรกาแฟเองถูกไหมคะ แต่ก็นั่นอีกเช่นกัน ถึงแม้ว่าตามร้านกาแฟทั่วๆ ไป จะมีชื่อของสูตรกาแฟให้คุณสั่งอยู่หลายชนิดก็ตาม แต่คุณก็ยังคงไม่ทราบว่าจะสั่งสูตรไหนดี และแต่ละสูตรนั้นเป็นอย่างไร มีรสชาดอย่างไร มีส่วนผสมอะไรบ้าง และแต่ละสูตรนั้นมีความแตกต่างกันอย่างไร



ดังนั้นวันนี้เรามาดูกันนะคะว่า สูตรกาแฟที่อยู่บนป้ายตามร้านกาแฟต่างๆ นั้น แต่ละสูตรจะเป็นอย่างไร มีรสชาด ส่วนผสมอะไรบ้างค่ะ มาเริ่มกันที่สูตรแรก ก็คือ



คาปูชิโน : Cappuccino มีต้นกำเนิดมาจากประเทศอิตาลี ซึ่งจะมี เอสเพรสโซ่และนม เป็นส่วนผสมหลักค่ะ

คนในประเทศอิตาลีส่วนใหญ่มักมีการดื่มกาแฟชนิดคาปูชิโน่โดยเฉพาะในตอนเช้ากันค่ะ ซึ่งก็อาจจะมีขนมปังแผ่นหรือคุ้กกี้ประกอบด้วยค่ะ



ทั้งนี้อาจเป็นเพราะว่าวิถีชีวิตของชาวอิตาลีมักไม่ค่อยรับประทานอาหารเช้าแบบเป็นกิจลักษณะ คาปูชิโนและขนมปังเบาๆ จึงเหมาะเป็นอาหารรองท้องสำหรับยามเช้า และด้วยเหตุนี้ทำให้ไม่ดื่มคาปูชิโนในช่วงอื่นของวัน



ลาเต้ : Latte สำหรับประเภทของกาแฟชนิดถัดมาก็คือ Latte ค่ะ ลาเต้เป็นภาษาอิตาลี ซึ่งมีความหมายที่แปลว่า นม นั่นเองค่ะ ดังนั้นรสชาดจึงมีความหวานและมันจากนมค่ะ กาแฟลาเต้นี้เป็นที่นิยมอย่างมากนอกประเทศอิตาลีช่วงต้นทศวรรษที่ 1980 ค่ะ นอกจากนี้นะคะ กาแฟลาเต้ที่รู้จักกันในอิตาลี ยังมีความหมายที่ใกล้เคียงกับภาษาฝรั่งเศส "café au lait" ซึ่งหมายถึง กาแฟกับนม อีกด้วยค่ะ



มอคค่า : Mocca เป็นกาแฟอราบิก้าชนิดหนึ่ง สำหรับที่มาของกาแฟมอคค่านี้ก็เนื่องจาก กาแฟมอคค่านี้เป็นกาแฟอราบิก้าชนิดหนึ่งที่ปลูกอยู่บริเวณท่าเรือมอคค่า ในประเทศเยเมน นั่นเองค่ะ ซึ่งกาแฟมอคค่านี้จะมีสีและกลื่นคล้ายชอคโกแลต (แม้ว่าจะไม่มีส่วนประกอบของชอคโกแลตในมอคค่าเลยก็ตาม) ซึ่งก็นับว่าเป็นเอกลัษณ์เฉพาะของกาแฟมอคค่าค่ะ



นอกจากนี้มอคค่ายังหมายถึง สูตรกาแฟที่มีส่วนผสมระหว่าง เอสเพรสโซ่และโกโก้อีกด้วยค่ะ





อเมริกาโน : Café Americano สำหรับที่มาของชื่ออเมริกาโนนั้น ตีความกันอย่างง่ายๆ ก็หมายถึงสหรัฐอเมริกานั่นเองค่ะ ว่ากันว่าเอสเพรสโซเพียว ๆ นั้น เข้มข้นเกินไปสำหรับคอกาแฟชาวอเมริกา ดังนั้นจึงได้มีการปรับปรุงสูตร โดยมีการนำน้ำร้อนมาเจือจางกาแฟเอสเพรสโซเพือให้มีรสชาดที่เบาบางลงค่ะ

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นถึงแม้ที่มาของชื่อจะหมายถึงกาแฟสไตล์อเมริกาก็ตาม แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าอเมริกาโนนี้จะเป็นกาแฟที่คนอเมริกานิยมดื่มกันนะคะ





เอสเพรสโซ : Espresso และสำหรับกาแฟประเภทสุดท้ายนี้ก็คือ เอสเพรสโซ่ ที่มีรสชาดเข้มข้นที่สุดก็ว่าได้ค่ะ โดยที่มาของเอสเพรสโซ่นี้ มาจากคำในภาษาอิตาลี ที่แปลว่า เร่งด่วน



เอสเพรสโซเป็นกาแฟที่นิยมมากที่สุดในแถบประเทศยุโรปตอนใต้ โดยเฉพาะประเทศอิตาลีและฝรั่งเศส การสั่งกาแฟ "caffe" ในร้าน ส่วนใหญ่แล้วจะสั่งเป็นกาแฟเอสเพรสโซ่กันค่ะ



โดยทั่วไปแล้ว ผู้ที่ดื่มกาแฟเอสเพรสโซ่นั้นจะไม่เติม น้ำตาลหรือนม แต่อย่างใด ทั้งนี้ก็เพื่อที่จะลิ้มรสของความเข้มข้นและหนักแน่นของเอสเพรสโซ่แท้ๆ Tips เล็กๆ น้อยๆ สำหรับผู้ที่ชื่นชอบเอสเพรสโซ่ ต้องดื่มในขณะที่ชงเสร็จใหม่ เนื่องจากเอสเพรสโซ๋มีความไวสูงในการทำปฏิกิริยากับออกซิเจน ดังนั้นเพื่อไม่ให้เสียรสชาดของเอสเพรสโซ่ที่แท้จริงก็ควรดื่มขณะที่ชงเสร็จใหม่ๆ ค่ะ



เป็นอย่างไรบ้างคะ สำหรับประเภทของกาแฟที่นำมาฝากในวันนี้ ทีนี้พอเข้าร้านกาแฟก็จะได้สั่งได้ถูกกันนะคะว่าต้องการดื่มรสชาดประมาณไหน หากเช้าไหนที่รู้สึกเหนื่อยและไม่ค่อยกระตือรือร้นสักเท่าไหร่ จะสั่งเอสเพรสโซ่เรียกพลังซักแก้วก็ไม่ว่ากันนะคะ แต่สำหรับเจ้าของ Blog ขอบอกว่าชอบ คาปูชิโน่ค่ะ



และสำหรับครั้งหน้าจะนำวิธีการชงกาแฟของสูตรต่างๆ มาแนะนำให้ทราบกันนะคะ และรับรองว่าจะนำเรื่องราวดีๆ ที่เกี่ยวกับกาแฟมาบอกเล่าให้ฟังกันอีกแน่นอนค่ะ