Custom Search

วันอังคารที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2552

Good bye Coffee Blood

สวัสดีทุกๆ ท่านอีกครั้ง

วันนี้ Cooffee Blood จะมาบอกลาเพื่อนๆ ทุกคนแล้วนะคะ นี่คงเป็นครั้งสุดท้ายที่เราจะได้พบกัน อย่าเพิ่งตกอกตกใจกันไปใหญ่นะคะ

วันนี้จะมาบอกว่า ตอนนี้ทรายได้ทำการย้ายเนื้อหาทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับกาแฟไปไว้ที่เว็บไซต์ใหม่เป็นที่เรียบร้อยแล้วค่ะ นั่นก็คือ www.maeyingzine.com ซึ่งในเว็บไซต์นี้ก็จะมีเนื้อหาเรื่องราวๆ ที่เกี่ยวข้องกับกาแฟ เพลง หนังสือ ความสวยความงาม เอาไว้ค่ะ

ซึ่งจริงๆ แล้วก้คล้ายๆ กับเป็นไดอารี่ของทรายเองนะคะ แต่ด้วยความที่ก็ไม่อยากจะทิ้งเรื่องราวของกาแฟ ที่เราชื่นชอบและอยากแบ่งปันไปเสียทีเดียว ก็เลยคิดว่างั้นแยกออกมาเป็น Catagories ดีกว่า มีพื้นทีื่ให้กับ Coffee Blood, Wanlapleng (วันละเพลง) ได้ยังอยู่

ซึ่งใน www.maeyingzine.com นี้เพื่อนๆ ก็จะได้อ่านอะไรๆ อีกเยอะ แล้วก็หลากหลายมากขึ้นค่ะ ยังไงก็อย่าลืมติิดตามกันนะคะ แล้วทรายจะนำเรื่องราวของกาแฟมาให้ติดตามอ่านเหมือนเดิมแน่นอนค่ะ

นอกจากนี้ทรายก็ต้องขอขอบคุณเพื่อนๆ หลายๆ คน ที่เห็นว่าบล็อกเงียบไปนาน แล้วไถ่ถามกันเข้ามาทั้งส่งอีเมล์ แล้วก็พูดคุยกันผ่านช่องทางของ Twitter ซึ่งนั่นก็ทำให้ทรายรุ้สึกดีใจมากๆ ว่าบล็อกของเรามีคนอ่าน มีคนติดตามเราด้วยนะ แล้วนั่นก็เป็นแรงบันดาลใจ ที่ทำให้รู้สึกว่าเรายังอยากที่จะเขียนบล็อก อยากแบ่งปันเรื่องราวต่อไป ก็ต้องขอขอบคุณเ้พื่อนๆ มากๆ นะคะ

สุดท้ายนี้ก็ต้องขอฝาก www.maeyingzine.com ไว้ด้วยนะคะ แล้วถ้าหากใครที่เข้าไปเยี่ยมชมแล้ว อยากจะติชม หรือแนะนำอะไร ก็สามารถคอมเม้นท์กันได้นะคะ ขอบคุณมากๆ ค่ะ ^^

แล้วพบกันที่ www.maeyingzine.com ค่ะ

วันอาทิตย์ที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2552

6 Tips for Coffee Lovers

สวัสดีค่ะ เมื่อไม่นานมานี้มีโอกาสได้ไปอ่านนิตยสาร First มาค่ะ แล้วเห็นมีบทความให้ข้อมูลที่ดีที่เกียวกับการดื่มกาแฟ ก็เลยนำข้อมูลนี้มาบอกเล่า บอกต่อให้เพื่อนๆ ได้อ่านกันค่ะ ^ ^


รู้ก่อนดื่มกาแฟ

  1. โดยปรกติทั่วไปเราสามารถดื่มกาแฟได้มากถึง 6 แก้ว / 1 วัน
    แต่ต้องไม่เข้มจนเกินไป ไม่มากกว่า 2 ช้อนชา / 1 ถ้วย สำหรับคนที่เป็นโรคหัวใจหรือมีปัญหาเรื่องความดัน ซึ่งร่างกายอยู่ในภาวะไม่ปรกติควรลดปริมาณการดื่มกาแฟไม่เกิน 2 แก้ว/1 วัน
  2. ข้อดีของกาแฟ คือ ช่วยกระตุ้นและทำให้ร่างกายมีความตื่นตัว
    โดยเข้าไปกระตุ้นหลอดเลือดแถวที่เลี้ยงหัวใจให้ขยายตัว จึงทำให้เลือดไปเลี้ยงหัวใจได้เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ร่างกายกระปรี้กระเปร่า
  3. กาแฟยังช่วยบรรเทาอาการปวดไมเกรนให้ลดลง
    ช่วยให้หลอดเลือดแถวบริเวณศีรษะหดตัว สอดคล้องกับคุณสมบัติของยาแก้ปวดไมเกรนในทางการแพทย์ ที่มีชื่อว่า “คาฟอริกอต” เป็นกาเฟอีนสกัด จัดเป็นยาสำหรับแก้อาการปวดไมเกรนเฉพาะ
  4. ถ้าอยากสร้างความตื่นตัวแต่ไม่อยากให้กาเฟอีนอยู่ในร่างกายของเรามากเกินไป
    แนะนำให้เลือกดื่มกาแฟดำแทน เพราะว่าร่างกายจะขับออกมาได้ง่ายกว่า แต่ถ้ากาแฟที่ผสมทั้งนม น้ำตาล และ คอฟฟี่เมต จะมีปริมาณสารอาหารเพิ่มขึ้น ร่างกายจะทำการดูดซึมสารอาหารเข้าสู่กระแสเลือด ซึ่งมีผลให้กาเฟอีนตกค้างอยู่ในร่างกายนานกว่า
  5. ระหว่างกาแฟเย็น กับ ร้อนแนะนำให้เลือกดื่มกาแฟร้อนดีกว่า
    ถ้าเทียบพลังงานแล้ว กาแฟร้อนจะให้พลังงานต่ำกว่ากาแฟเย็น โดยกาแฟเย็น 1 แก้วให้พลังงานประมาณ 300 แคลอรี่ แต่ถ้าเทียบกับกาแฟดำร้อนจะไม่เกิน 100 แคลอรี่ / 1 แก้ว
  6. กาเฟอีนเป็นตัวละลายแคลเซียม
    กาแฟจะขับเอาแคลเซียมที่สะสมตามกระดูกและผิวหนังออกมา เวลาที่เราปัสสาวะ ดังนั้นคนที่อายุเข้าสู่เลขสามแล้ว ควรลดปริมาณการดื่มกาแฟให้น้อยลง เพราะอาจมีผลให้กระดูกพรุนได้ง่าย

ขอบคุณข้อมูลจาก คุณ รุ่งเรือง คลองบางลอ นักโภชนาการจาก Philip Waim

ที่มา : นิตยสาร First